การดูแลสุขภาพ, บทความน่ารู้, บทความสุขภาพ, สุขภาพดี, สุขภาพน่ารู้, อาหารเพื่อสุขภาพ

ต้มผักแบบไหนไม่ให้เสียคุณค่า

ต้มผักแบบไหนไม่ให้เสียคุณค่า

 

หลายคนรู้ดีว่าการรับประทานผักเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุที่เหมาะสม และเป็นหนึ่งในส่วนของอาหารที่ควรรับประทานในทุกมื้อ อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการรับประทานผักให้เหมาะสม เพื่อดึงเอาประโยชน์จากผักออกมาให้มากที่สุด และหากมีการปรุงผักด้วยวิธีการที่ถูกต้องแล้ว ก็จะสามารถกำจัดสารพิษบางอย่างในผักออกไปได้ด้วย

ผักต้มเป็นวิธีการในการปรุงสุกผักที่ง่าย สามารถทำได้แทบทุกครัวเรือนด้วยอุปกรณ์เพียงไม่กี่อย่าง แต่หากเรารับประทานด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุจากผักต้มที่น้อยลง หรือแทบจะไม่ได้รับอะไรเลยนอกเหนือจากเส้นใยอาหาร

ในวันนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการในการต้มผักให้ได้ประโยชน์มากที่สุด และทำให้ได้ผักต้มมีรสชาติที่ดี มีเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมด้วยเช่นเดียวกัน การต้มผักจะต้องปฏิบัติตามวิธีการอย่างไร มาลองดูกันได้เลยค่ะ

ต้มผักแบบไหนไม่ให้เสียคุณค่า
ต้มผักแบบไหนไม่ให้เสียคุณค่า — ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-photo/man-opening-lid-pot-starting-cook_3628181.htm#page=1&query=Boil%20water&position=3

1 ล้างผักให้สะอาดก่อนทุกครั้ง

ถึงแม้เรารู้ดีว่ากระบวนการในการต้มผักมีการใช้ความร้อนสูง และจะสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ติดมาในผักได้เป็นอย่างดี เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องล้างผักให้สะอาดก่อนอยู่ดี เพราะแม้แต่ผักที่อ้างว่าเป็นผักปลอดสารพิษ ก็ยังมีโอกาสที่จะได้พบเจอสารตกค้างได้เสมอ อย่างที่มีหลายหน่วยงานเคยลงไปตรวจสอบผักที่วางขายตามท้องตลาดหรือห้างสรรพสินค้า

ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดจึงควรที่จะเปิดน้ำให้น้ำไหลผ่านผัก แช่ผักทิ้งไว้ในน้ำสักครู่หนึ่ง อาจจะมีการใช้น้ำยาล้างผัก น้ำส้มสายชู หรือเกลือ เป็นสิ่งที่ช่วยในการล้างสารพิษตกค้างออกมาได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะหั่นผักก่อนที่จะนำมาล้าง เพราะจะเป็นการทำให้วิตามินละลายออกไปในน้ำ และทำให้เราได้รับสารอาหารที่เหมาะสมน้อยลง

2 หั่นผักให้มีชิ้นพอดี

ผักแต่ละชนิดจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็เป็นผักหัว บ้างก็เป็นผักใบ ที่มีขนาดที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ชนิดของผัก ทั้งนี้ หากเป็นผักชนิดที่มีขนาดใหญ่และสุกได้ช้า ก็ต้องใช้เวลาในการต้มให้สุกได้นาน กว่าที่กึ่งกลางข้างในของผักจะสุก ดังนั้น จำเป็นจะต้องหั่นให้ผักมีขนาดชนิดเล็กลงก่อน เพื่อย่นระยะเวลาในการต้ม และไม่ปล่อยให้ผักอยู่ในน้ำร้อนนานจนเกินไป จนความสดหรือวิตามินในผักนั้นหายไป

ทั้งนี้ ก็ต้องระวังในการหั่นผักไม่ให้มีขนาดเล็กจนเกินไปด้วย เพราะผักอาจจะละลายไปกับน้ำหรือเละไม่น่ารับประทานได้

3 กำหนดปริมาณน้ำ

การต้มผักที่ดีที่สุดควรที่จะใช้น้ำในปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ยังมีความสามารถในการทำให้ผักสุกได้ เหตุผลก็เพราะว่าวิตามินต่างๆจะละลายออกมาอยู่ในน้ำที่ใช้ต้มผัก ยิ่งใช้น้ำในปริมาณมากก็ยิ่งทำให้เรามีโอกาสที่จะสูญเสียสารอาหารต่างๆที่อยู่ในผักได้มากขึ้น

ดังนั้น การใช้น้ำในปริมาณเพียงพอท่วมผักก็เพียงพอแล้วกับการที่จะทำให้ผักสุก และยังเป็นการประหยัดน้ำและแก๊สได้อีกด้วย

ต้มผักแบบไหนไม่ให้เสียคุณค่า
ต้มผักแบบไหนไม่ให้เสียคุณค่า — ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-photo/side-view-deep-pot-with-boiling-water-salt-human-hand-stove_7724649.htm#page=1&query=Boil%20water&position=9

4 ใช้เวลาให้น้อยที่สุด

การต้มผักควรที่จะใช้ระยะเวลาในการต้มให้น้อยที่สุด เพื่อรักษาเอาวิตามินหรือแร่ธาตุไม่ให้สลายไปกับความร้อน ดังนั้น จึงควรใช้ไฟและเวลาให้เหมาะสม และควรที่จะรอให้น้ำเดือดก่อนที่จะนำเอาผักลงไปต้ม เพื่อไม่ให้ผักต้องแช่อยู่ในน้ำนานจนเกินไป และเป็นการทำให้วิตามินสูญเสียไปมากกว่าเดิม

5 แช่ผักในน้ำเย็นจัดทันทีหลังต้มเสร็จ

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคสำคัญที่จะทำให้ผักต้มของคุณมีสีสวย และทำให้ผักที่ต้มเสร็จแล้วไม่สุกมากจนเกินไป (Over cook) เทคนิคที่ว่านั่นก็คือ การตักผักที่ต้มน้ำเดือดจนสุกเรียบร้อยแล้วลงไปแช่ในน้ำเย็นจัดทันที ยิ่งเป็นน้ำแข็งได้จะยิ่งดีมากๆ เพราะการเปลี่ยนอุณหภูมิจากสูงลดลงมาต่ำอย่างรวดเร็วแบบนี้ จะถนอมทั้งสี ความกรอบ และคุณค่าทางสารอาหารในผักได้อย่างดีอีกด้วย

ต้มผักแบบไหนไม่ให้เสียคุณค่า
ต้มผักแบบไหนไม่ให้เสียคุณค่า — ภาพจาก : https://www.freepik.com/premium-photo/green-peas-colander_14644158.htm#page=1&query=Blanch%20&position=23

แน่นอนว่าการที่คุณเอาผักไปต้มในความร้อนจะต้องมีวิตามินบางส่วนที่สูญเสียไป โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในน้ำได้ง่ายอย่างวิตามินซี ซึ่งถือเป็นวิตามินที่พบได้มากในผักหลายๆชนิด แต่อย่างน้อยการต้มผักก็เป็นการกำจัดสารบางอย่างในผักออกไปด้วยเช่นกัน ซึ่งผักบางอย่างจำเป็นที่จะต้องนำไปผ่านความร้อนก่อนรับประทาน เพื่อไม่ให้ได้รับสารพิษเข้าไปในร่างกาย

อีกทั้ง เนื้อสัมผัสของผักต้มก็ยังเป็นเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับอาหารในบางประเภท และสามารถรับประทานได้ง่ายมากกว่าผักสด อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องรู้ว่าผักแต่ละชนิดควรจะนำไปประกอบอาหารโดยวิธีการใด เพื่อให้มีความสุกในระดับใด แบบไหนที่ควรรับประทานดิบ และแบบไหนที่ควรรับประทานสด

การเลือกรับประทานผักให้ถูกวิธี จะทำให้คุณสามารถได้รับประโยชน์จากผักได้มากที่สุด แถมยังมีความอร่อยที่คุณชอบอีกด้วย เชื่อว่าหากคุณมีการปรุงอาหารด้วยกรรมวิธีที่เหมาะสม การรับประทานอาหารก็จะได้รับคุณค่าที่มากขึ้น และยังทำให้อร่อยถูกลิ้นอีกด้วย