การดูแลสุขภาพ, บทความน่ารู้, บทความสุขภาพ

กลิ่นตัวสามารถแก้ได้อย่างไร

กลิ่นตัวสามารถแก้ได้อย่างไร

 

มนุษย์ทุกคนสามารถที่จะเกิดกลิ่นตัวหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว จะยิ่งเป็นช่วงวัยที่มีโอกาสการเกิดกลิ่นตัวมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ เนื่องมาจากต่อมเหงื่อจะทำงานมากกว่าปกติ เพื่อจะช่วยควบคุมการทำงานของร่างกาย ซึ่งการที่ต่อมเหงื่อทำงานอย่างหนักก็ย่อมมีผลทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่อาจจะทำให้คนรอบข้างหรือตัวเราเองรู้สึกไม่ดี หรือไม่อยากเข้าใกล้เราอีกต่อไป

กลิ่นตัวเกิดขึ้นเนื่องมาจากการที่เราต้องมีการทำกิจกรรมบางอย่าง ที่จะทำให้เกิดเป็นอาการเหงื่อ ไหลออกมา และสัมผัสกับแบคทีเรียบนผิวหนังจนทำให้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์โชยออกมา ซึ่งสาเหตุหลักๆของการเกิดกลิ่นตัวเกิดขึ้นมาจากการที่ผิวหนังของมนุษย์มีต่อมเหงื่อสำคัญ 2 ต่อม ได้แก่

1) ต่อมเอกไครน์ (Eccrine Gland) เป็นต่อมที่อยู่บนผิวหนัง ทำหน้าที่ผลิตเหงื่อในขณะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น เพื่อที่จะช่วยคลายหรือลดความร้อนในร่างกายลง ในเหงื่อที่ไหลออกมาจะมีน้ำและเกลือเป็นส่วนประกอบหลัก และเหงื่อจะระเหยไปเมื่ออุณหภูมิในร่างกายเย็นลง

2) ต่อมอะโพไครน์ (Apocrine Gland) เป็นต่อมที่อยู่บริเวณที่มีขนขึ้นมาก เช่น รักแร้ หรือขาหนีบ ต่อมนี้จะผลิตของเหลวสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมออกมา ซึ่งจะออกมาเมื่อคุณมีความเครียด และเมื่อของเหลวนี้สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ก็จะทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น

กลิ่นตัวสามารถแก้ได้อย่างไร
กลิ่นตัวสามารถแก้ได้อย่างไร — ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-photo/young-brunette-girl-closing-covering-nose-bad-smell_8468240.htm#page=1&query=bad%20smell&position=4

นอกเหนือจากการเกิดกลิ่นตัวจากต่อมทั้งสองนี้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่จะส่งผลกระทบที่จะทำให้คุณมีกลิ่นตัวที่รุนแรงมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่าคุณเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เปลี่ยนจากเด็กชายเป็นหนุ่ม ก็จะมีแนวโน้มที่จะเหงื่อออกและมีกลิ่นตัวได้มากกว่าช่วงวัยอื่นๆ รวมไปถึงการที่คุณมีน้ำหนักมากจนเกินไป การรับประทานอาหารที่มีกลิ่นรุนแรง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรักษาภาวะซึมเศร้าด้วยการใช้ยา เป็นต้น

ทั้งนี้ กลิ่นตัวที่ออกมาในแต่ละสาเหตุจะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากคุณสามารถที่จะแยกแยะมันได้ ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ทำให้คุณเรียนรู้ว่าคุณกำลังมีความผิดปกติใดในร่างกายอยู่บ้าง

ยกตัวอย่างเช่น หากกลิ่นตัวมีกลิ่นคล้ายผลไม้ จะเป็นลักษณะสัญญาณของการเป็นเบาหวาน หรือถ้ามีกลิ่นกายคล้ายกับสารฟอกขาว ก็จะเป็นสัญญาณสำคัญของโรคตับหรือโรคไต เป็นต้น

ดังนั้น การรู้จักป้องกันและการกำจัดกลิ่นตัวสำหรับคนที่มีแนวโน้มที่จะเกิดกลิ่นตัวรุนแรง จึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีกลิ่นกายที่ดีมากขึ้น และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้

กลิ่นตัวสามารถแก้ได้อย่างไร
กลิ่นตัวสามารถแก้ได้อย่างไร — ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-photo/that-smells-really-bad-close-up-portrait-young-funny-dark-skinned-man-with-afro-hairstyle-closing-nose-with-fingers-feeling-ad-from-disgusting-smell-from-rubbish-dump-city_8919633.htm#page=1&query=bad%20smell&position=17

1 ดูแลความสะอาดของรักแร้เป็นหลัก

อย่างที่กล่าวไปว่าต่อมอะโพไครนมักจะอยู่ในบริเวณที่มีขน ซึ่งนั่นก็คือ รักแร้ ดังนั้น การทำความสะอาดร่างกายที่สำคัญจะต้องรักษาความสะอาดของบริเวณนี้ให้มากกว่าบริเวณอื่นๆด้วย อาจจะใช้เป็นสบู่หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงมีการหมั่นเล็มหรือโกนขนรักแร้เป็นประจำ เพื่อที่จะทำให้เหงื่อระเหยได้ไวมากขึ้น ลดการสัมผัสกับแบคทีเรีย และลดการเกิดกลิ่นตัวได้

2 การใช้สารระงับเหงื่อ

สารตัวนี้จะมีส่วนผสมของอลูมิเนียมคลอไรด์ ซึ่งจะช่วยลดการผลิตเหงื่อ เมื่อมีเหงื่อออกมาน้อยก็จะมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังน้อย และทำให้สาเหตุการเกิดกลิ่นตัวน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งควรที่จะทาเป็นประจำทุกคืนก่อนเข้านอนและล้างออกในตอนเช้า

และเมื่อใดก็ตามที่คุณมีเหงื่อลดลงแล้วอาจจะละเว้นการใช้สารระงับเหงื่อให้เปลี่ยนเป็นวันเว้นวันได

3 ยาดับกลิ่นตัว

ยาตัวนี้จะช่วยในการดับกลิ่นตัวแต่ไม่เกี่ยวข้องกับการลดเหงื่อ โดยส่วนใหญ่ละยาระงับกลิ่นตัวจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เป็นหลัก ซึ่งจะทำให้ผิวมีความเป็นกรดมากขึ้น และช่วยลดปฏิกิริยาระหว่างเหงื่อกับแบคทีเรียลงได้ ที่สำคัญยาดับกลิ่นตัวมันจะต้องมีส่วนผสมของน้ำหอม กลิ่นที่ใส่เข้าไปนี้จะช่วยปกปิดกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นตัวได้เป็นอย่างดี

4 สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดอยู่เสมอ

การหมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้าเป็นประจำ ไม่ใส่เสื้อผ้าซ้ำที่ยังไม่ได้ซัก และมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากมีการทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมากๆ จะช่วยทำให้คุณลดปัญหากลิ่นตัวลงได้ ทั้งนี้การเลือกสวมเสื้อผ้าที่มีเส้นใยธรรมชาติอย่าง ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าลินิน จะทำให้การระบายอากาศเป็นไปได้อย่างดีมากขึ้น เหงื่อระเหยไว และไม่มีโอกาสเกิดเป็นกลิ่นตัวที่รุนแรง

5 ดูแลการรับประทานอาหาร

อาหารบางอย่างอาจจะทำให้คุณมีกลิ่นตัวที่รุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กระเทียม หัวหอม ผงกะหรี่ เนื้อแดง หากคุณควบคุมกลุ่มอาหารเหล่านี้ได้ ก็อาจจะมีผลกระทบที่ทำให้คุณมีกลิ่นตัวน้อยลงได้เช่นเดียวกัน

6 การฉีดโบท็อกซ์หรือผ่าตัดต่อมกลิ่นออก

การผ่าตัดเป็นอีกวิธีการแก้ไขปัญหานี้เพื่อที่จะตัดเอาต่อมกลิ่นออกไป การรักษานี้ค่อนข้างได้ผลดี แต่จะมีผลข้างเคียงหลังจากการรักษา เช่น เกิดเป็นแผลเป็นหรือมีการติดเชื้อตามมาได้ หรือหากคุณอยากลองอีกหนึ่งวิธี ก็คือ การฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งสารที่ฉีดเข้าไปจะไปช่วยลดการสร้างกลิ่นในร่างกาย ก็จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้กลิ่นกายลดลงได้

ทั้งหมดนี้ คือ วิธีการที่จะช่วยทำให้คุณมีกลิ่นตัวที่ลดน้อยลง ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะใช้วิธีการที่ไม่เหมือนกัน ตามแต่ความรุนแรงของอาการ รวมไปถึงลักษณะกิจกรรมที่ควรทำในแต่ละวัน ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใดก็ตาม ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการที่จะทำให้ตัวเองมีกลิ่นกายที่หอมมากขึ้น มีความมั่นใจในการใช้ชีวิต และเป็นผลดีกับคนรอบข้างทุกๆคนของคุณด้วย