มะม่วงหาวมะนาวโห่ ผลไม้ชื่อแปลกมากประโยชน์
ผลไม้ในประเทศไทยมีมากมายหลากหลายชนิด แต่อาจจะมีหลายๆ ชนิดที่คุณไม่เคยได้ลิ้มลอง เพราะไม่ได้เป็นผลไม้ประจำชาติหรือหารับประทานได้ยาก หรือในบางครั้งก็อาจจะมีโอกาสได้ชิมเพียงแค่ในบางฤดูกาลเท่านั้น ทำให้ผลไม้ต่างๆเหล่านั้นอาจจะถูกลดความสำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณประโยชน์ของมันยังคงมากมายเหมือนเดิม ซึ่งคงจะเป็นการดีหากเราจะได้เรียนรู้ถึงคุณประโยชน์ของผลไม้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะผลไม้ในส่วนที่เราอาจจะยังไม่เคยมีโอกาสได้ลองรับประทาน หรือลองเรียนรู้ถึงประโยชน์ของมัน
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงผลไม้หนึ่งชนิดที่มีชื่อแปลก แต่ประโยชน์ของมันก็ไม่น้อยไปกว่าผลไม้ชนิดอื่นเลย เรากำลังพูดถึง “มะม่วงหาวมะนาวโห่” ค่ะ
แค่ชื่อก็ฟังติดหูแล้ว แต่คุณประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ก็มีสูงไม่แพ้กับผลไม้ชนิดอื่นๆเลย เริ่มต้นที่พลังงานกันก่อน การรับประทานมะม่วงหาวมะนาวโห่ 100 กรัมจะให้พลังงานอยู่ที่ 75 กิโลแคลอรี่ มีไขมันเพียง 2 ถึง 5 กรัม น้ำตาลทราย 7 ถึง 12 กรัม และสารอาหารที่สำคัญในนั้น ก็คือวิ ตามินซีที่สูง 9 ถึง 11 มิลลิกรัม
ด้วยความที่ผลไม้ชนิดนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของวิตามินซี และรสชาติที่แตกต่างจากผลไม้ชนิดอื่น ทำให้มะม่วงหาวมะนาวโห่กลายมาเป็นผลไม้ที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างแพร่หลาย และได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของสรรพคุณต่างๆยังมีการวิจัยหรือพูดถึงผลไม้ชนิดนี้อยู่ไม่มากเท่าไหร่นัก แต่ก็พอจะสรุปถึงคุณประโยชน์ที่สำคัญของมะม่วงหาวมะนาวโห่ได้ดังต่อไปนี้
1 ช่วยบรรเทาอาการท้องผูกหรือท้องเสีย
มีตำราแผนโบราณกล่าวไว้ว่า หากนำใบมะม่วงหาวมะนาวโห่มาต้ม จะทำให้สามารถช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบการย่อยอาหารได้ รวมไปถึงสามารถบรรเทาอาการท้องผูกหรือท้องเสียได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ก็มีงานวิจัยที่ทำกับหนูทดลองโดยมีการสกัดเอาสารสำคัญจากใบของมะม่วงหาวมะนาวโห่ออกมา ีผลชี้ว่าสามารถที่จะกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และบรรเทาอาการท้องผูกท้องเสียได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการนำการวิจัยนี้มาทดลองเพิ่มเติมกับมนุษย์ ซึ่งอาจจะทำให้ผลวิจัยที่ได้นั้นเปลี่ยนแปลงไปได้
2 ป้องกันตับเป็นพิษ
มีความเชื่อว่ามะม่วงหาวมะนาวโห่มีสรรพคุณสำคัญในการต่อต้านภาวะเป็นพิษของตับ โดยเคยมีงานวิจัยที่ทดลองกับหนู และพบว่าสารสกัดจากรากของมะม่วงหาวมะนาวโห่ สามารถช่วยป้องกันภาวะตับเป็นพิษจากการใช้ยาพาราเซตามอลและคาร์บอนเตตระคลอไรด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
เหตุผลก็เพราะสารสกัดจากผลไม้ชนิดนี้ถือเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถที่จะต่อต้านภาวะการเป็นพิษได้นั่นเอง
3 ช่วยควบคุมน้ำตาล
สารสกัดจากผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่ดิบสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และเป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ ทั้งนี้ เคยมีงานวิจัยทดลองในหนูทดลองที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หลังจากที่ได้รับสารสกัดดังกล่าวแล้วก็พบว่าสามารถรักษาอาการดังกล่าวได้ ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผลไม้ชนิดนี้นั่นเอง
4 ต้านการอักเสบ
ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบของโรคต่างๆ อย่างข้ออักเสบรูมาตอยด์ หลอดเลือดแดงแข็ง หรือการเกิดแผลต่างๆ ก็สามารถใช้มะม่วงหาวมะนาวโห่มาเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยบรรเทาภาวะนี้ได้ สามารถใช้เป็นอาหารเสริมทางเลือกในการรักษาการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังคงไม่มีการศึกษาผลลัพธ์ที่แน่ชัดในมนุษย์เช่นกัน

หากพูดถึงความปลอดภัยของการใช้มะม่วงหาวมะนาวโห่ในการรักษาโรคต่างๆในมนุษย์ ก็ต้องบอกตามตรงว่าในปัจจุบันยังเป็นการศึกษาเฉพาะแค่ในสัตว์ทดลอง ยังไม่ปรากฏผลการทดลองที่น่าเชื่อถือในมนุษย์ ทำให้ยังไม่สามารถที่จะระบุถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากการใช้ผลไม้ชนิดนี้ได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงยังไม่สามารถกำหนดรูปแบบที่เหมาะสม หรือปริมาณการใช้ที่อยู่ในช่วงที่จะทำให้เกิดเป็นอันตรายได้
ดังนั้น หากต้องการที่จะมีการใช้ผลไม้ชนิดนี้ จึงควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อน โดยเฉพาะกับบุคคลที่มีปัญหาทางสุขภาพเรื้อรัง
สำหรับใครที่อยากจะรับประทานผลไม้ชนิดนี้ในรูปแบบของผลไม้สด ก็ควรที่จะมั่นใจว่าผลไม้นั้นสุกแล้ว และมีการล้างน้ำหรือน้ำยาล้างผักผลไม้อย่างสะอาดหมดจดทุกครั้ง เพื่อป้องกันยางของมะม่วงหาวมะนาวโห่ ซึ่งหากเผลอรับประทานเข้าไป อาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองต่ออวัยวะภายในร่างกายได้
มะม่วงหาวมะนาวโห่ เป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยสรรพคุณทางยา ทำให้นิยมรับประทานเพื่อรักษาโรคหรือบำรุงร่างกาย ทั้งโรคเบาหวาน อาการท้องเสีย ตับเป็นพิษ เป็นต้น และในผลไม้ชนิดนี้ยังอุดมไปด้วยสารที่มีคุณประโยชน์หลายชนิด เช่น สารต้านการอักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งล้วนมีความสามารถในการต่อต้านโรคได้
แต่ผลไม้ทุกชนิดมีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งอาจจะแสดงผลที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีคำกล่าวว่าเป็นผลไม้ที่ดีแค่ไหน แต่หากเรามีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ก็จะเกิดเป็นผลร้ายต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาข้อมูลต่างๆให้รอบด้าน เพื่อที่จะมั่นใจว่าตัวเองจะได้รับผลที่ดีที่สุดจากการรับประทานอาหารแต่ละชนิดนั่นเอง