ความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่ได้ผล
ความเชื่อในเรื่องของการลดอาหารมีความแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มบุคคล แต่ทั้งนี้ก็มีทั้งความเชื่อที่ถูกและความเชื่อที่ผิด ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เราเผลอรับข้อมูลความเชื่อที่ผิดเข้าไป ก็อาจจะทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล หรือทำให้น้ำหนักดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิม
ในบทความนี้เราจะมายกตัวอย่างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก ว่าอะไรบ้างที่ทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จที่จะเป็นคนผอม ดังต่อไปนี้
1 อดอาหารไม่ใช่คำตอบ
หากต้องการให้น้ำหนักลดลงจะต้องมีการใช้พลังงานหรือเผาผลาญพลังงานให้มากกว่าพลังงานจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ดังนั้น การลดความอ้วนหรือการลดน้ำหนักจะต้องมีการควบคุมปริมาณของพลังงานในอาหารที่เรารับประทาน ทั้งนี้ โดยปกติแล้วคนเราจะต้องการพลังงานในแต่ละวันประมาณ 2,000 ถึง 2500 kcal เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น หากต้องการลดน้ำหนักจึงต้องลดแคลอรี่ของอาหารที่ลงที่รับประทานเข้าไปลงให้ได้ประมาณวันละ 500 kcal
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้การใช้พลังงานในร่างกายของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ และกิจวัตรประจำวันที่ทำในแต่ละวัน ทำให้การรับประทานอาหารเหมือนคนอื่นจึงไม่สามารถที่จะบ่งบอกได้ว่าคุณจะสามารถลดน้ำหนักได้เท่ากันกับคนเหล่านั้น ทางที่ดีจึงควรที่จะปรึกษาผู้ที่ชำนาญการ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหน่อยตามที่ต้องการได้

2 รับประทานเฉพาะช่วงเวลาที่หิวจะช่วยลดน้ำหนักได้
ความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่ผิด เพราะการที่เรารับประทานอาหารไม่ตรงเวลาหรือปล่อยให้ร่างกายหิวจะกระตุ้นให้ฮอร์โมนความเครียดเกิดขึ้นมา และเป็นการกระตุ้นความอยากอาหารให้มากขึ้น โดยเฉพาะอาหารในกลุ่มที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง ซึ่งจะมีผลให้ได้พลังงานที่สูงขึ้นตามมาด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้น คนที่ต้องการลดความอ้วนจึงควรที่จะรับประทานอาหารให้ตรงเวลาทั้ง 3 มื้อ มากกว่าการพยายามอดอาหารจนตัวเองหิวโหย
3 รับประทานเนื้อสัตว์ไม่ทำให้อ้วน
คนที่ลดน้ำหนักหลายคนพยายามรับประทานเนื้อสัตว์แทนอาหารประเภทอื่นๆ เพราะคิดว่าเนื้อสัตว์คือโปรตีนที่เป็นแหล่งของพนักงานที่ดี และไม่ทำให้อ้วน ทั้งนี้ ต้องพิจารณาในส่วนของเนื้อสัตว์ที่เลือกรับประทานด้วย ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ที่มีไขมันแทรกอยู่ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย และอาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำหนักเกินได้
ดังนั้น การเลือกรับประทานเนื้อสัตว์สำหรับคนที่ลดความอ้วน จึงต้องพยายามเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำด้วย เช่น อกไก่ สันในหมู หรือไข่ขาว เป็นต้น
4 รับประทานเฉพาะผักและผลไม้เพื่อช่วยลดน้ำหนัก
หลายหลายคนพยายามเลือกรับประทานเฉพาะผักและผลไม้เพื่อให้ได้รับพลังงานเพียงพอในแต่ละวันในช่วงเวลาที่ต้องการจะลดน้ำหนัก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าผักหรือผลไม้เป็นหนึ่งในอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่อาจจะทำให้คุณได้รับพลังงานมากจนเกินไป ดังนั้น หากคุณต้องการที่จะเลือกรับประทานผักและผลไม้ควรที่จะเลือกแบบที่มีรสไม่หวานจัดจนเกินไป และมีใยอาหารที่จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม
5 รับประทานอาหารเร็วหรือช้าก็ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก
เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณค่อยๆรับประทานอาหาร เคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากขึ้น จะมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่ากันรีบรับประทานอาหาร หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด เนื่องจากการค่อยๆเคี้ยวอาหารจะช่วยกระตุ้นและส่งสัญญาณไปยังสมองส่วนกลาง ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมความหิว และมีผลทำให้คุณอิ่มเร็วขึ้นหรือรับประทานอาหารได้น้อยลง ก็จะมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
6 อาหารไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันไม่ได้แปลว่าไม่มีพลังงาน
คนจะเลือกรับประทานอาหารที่มีการกล่าวอ้างที่ฉลากว่าเป็นอาหารไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน เพราะคิดว่าจะไม่ได้รับพลังงาน สามารถรับประทานเท่าไหร่ก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วถึงจะไม่มีไขมันแต่ก็ยังมีสารอาหารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือเกลือแร่ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ล้วนแต่ให้พลังงาน คุณจึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาในการเลือกซื้ออาหารเช่นเดียวกัน

7 การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งทำให้ร่างกายล่ำ
แม้ว่าการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งจะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีผลในการที่จะทำให้คุณดูล่ำจนเกินไป หากคุณไม่ได้รับประทานโปรตีนเข้าไปในปริมาณสูง แต่การทำเวทเทรนนิ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และช่วยลดเปอร์เซ็นต์ของไขมันลง ซึ่งจะมีผลดีต่อสุขภาพที่จะทำให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้ มากกว่าเดิม
8 มังสวิรัติช่วยลดความอ้วนได้
เป็นความคิดที่ผิดว่าอาหารมังสวิรัติจะเป็นอาหารที่ดีต่อการลดน้ำหนัก เพราะว่าอาหารมังสวิรัติส่วนใหญ่จะเป็นส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต ซึ่งก็เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานเช่นเดียวกัน และบางทีอาจจะมีในส่วนของไขมันที่สูงซึ่งทำให้อ้วนได้ไม่ต่างอะไรกับการรับประทานอาหารปกติทั่วๆไปเลย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นตัวอย่างของการลดน้ำหนักที่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งหากคุณเผลอทำลงไป อาจจะทำให้ความตั้งใจในการที่จะลดน้ำหนักไปไม่ถึงจุดหมาย หากรู้ว่าตัวเองกำลังทำผิดก็สามารถที่จะแก้ไขได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่จะทำให้การลดน้ำหนักในวันข้างหน้าคุณประสบความสำเร็จอย่างที่คุณตั้งใจเอาไว้