บรรเทาปวดด้วยการฝังเข็ม
หากคุณเคยดูภาพยนตร์จีน คุณอาจจะเคยเห็นว่ามีวิทยายุทธในการฝังเข็มเพื่อใช้ในการรักษาโรคหรืออาการบางอย่าง การเอาเข็มทิ่มแทงไปในส่วนต่างๆของร่างกายจะมีผลในการแก้ไขความผิดปกติบางอย่างได้อย่างไร สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นหนึ่งในวิทยาการทางการแพทย์ที่ได้รับความเชื่อถือ และเป็นหนึ่งในวิธีการในการรักษาอาการบาดเจ็บในปัจจุบันได้เช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะกลุ่มของนักกีฬาที่มักจะมีความบาดเจ็บมากกว่าคนทั่วไป เนื่องมาจากนักกีฬาจำเป็นที่จะต้องมีการใช้กล้ามเนื้อหรือส่วนต่างๆของร่างกายอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อฝึกซ้อมให้สามารถที่จะแข่งขันกับคนอื่นๆได้หรือมีศักยภาพทางกายสูงมากที่สุด ทำให้นักกีฬามีความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดระบม ตึง เจ็บกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งในร่างกาย ซึ่งก็เกิดขึ้นมาจากการใช้งานกล้ามเนื้อที่หนักจนเกินไป รวมไปถึงอาจจะเกิดความผิดพลาดในเรื่องของท่าทางที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม ในระยะเวลาหนึ่งๆ ซึ่งโดยทั่วๆไปแล้วสามารถที่จะหายได้หากมีการพักและใช้เวลาในการเยียวยาอาการบาดเจ็บ
แต่ในทางการแพทย์ก็มีวิธีการที่จะช่วยในการรักษาหรือคลายกล้ามเนื้อโดยการใช้วิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำกายภาพบำบัด การใช้ความร้อน การนวด เป็นต้น และอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ ก็คือ การใช้วิธีการฝังเข็มเพื่อคลายจุดและแก้ปวดกล้ามเนื้อ
การฝังเข็มในทางการแพทย์แผนปัจจุบันสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
1 dry needling หรือการแทงเข็มเปล่า จะเป็นวิธีการคลายจุดเจ็บหรือรักษาอาการปวดจากการที่กล้ามเนื้อหดเกร็ง โดยจะใช้เข็มสะกิดให้เกิดเป็นการคลายตัวของจุด Trigger Point ซึ่งจะมีผลทำให้อาการปวดหายไปได้
2 การคลายจุดเจ็บในกล้ามเนื้อด้วยการฉีดยาชา จากนั้นจะมีการใช้เข็มฉีดยาสะกิดให้เกิดการคลายตัวของจุด Trigger Point แล้วทำให้อาการปวดนั้นหายไป
ส่วนการฝังเข็มที่เป็นแพทย์แผนจีนจะมีความแตกต่างกันไปจากแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งแพทย์แผนจีนจะเน้นในเรื่องของการปรับสมดุลของร่างกาย ปักเข็มลงไปตามจุดที่อยู่บนเส้นลมปราณ เพื่อกระตุ้นให้มีการไหลเวียนภายในร่างกาย และให้เกิดการเยียวยารักษาให้ร่างกายดีขึ้น
การฝังเข็มสำหรับแพทย์แผนจีนไม่ใช่เพียงแค่การปักเข็มลงใต้ตามร่างกายเท่านั้น แต่แพทย์แผนจีนจะมีเทคนิคหลายๆอย่างในขั้นตอนของการฝังเข็มเพื่อให้สามารถรักษาอาการเจ็บปวดในร่างกายได้ ดังนั้น การที่คุณจะเลือกรักษากับด้วยการฝังเข็มกับแพทย์แผนจีนจึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับเข็มและอุปกรณ์ในการฝังเป็นอย่างดี รวมไปถึงเทคนิคหรือวิธีการสำคัญต่างๆ
เข็มที่แพทย์แผนจีนใช้ปักบนร่างกายของคนไข้ มีชื่อเรียกว่า ‘เข็มปลายสน’ กล่าวคือ ส่วนปลายของเข็มจะมีลักษณะเหมือนใบสน ที่มีความคมพอประมาณ โดยเข็มที่แพทย์จีนนิยมใช้มากที่สุดจะเป็น ‘เข็มบาง’ ที่มีลักษณะกลมและบาง ความยาวของเข็มอยู่ระหว่าง 5-125 มิลลิเมตร ทำจากสแตนเลสที่มีความทนทานแต่ยืดหยุ่นได้สูง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่หักหรือเปราะแตกง่ายจนเกินไป ซึ่งการที่ส่วนของปลายเข็มมีความแหลมคมมากๆ เมื่อแทงเข้าสู่ผิวหนังไปแล้ว คนไข้จะรู้สึกเจ็บเลย
ที่สำคัญ…เข็มจะต้องอยู่ในลักษณะและภาชนะที่ปลอดเชื้อ ไม่เกิดเป็นสนิม จนทำให้เกิดเป็นอันตรายต่อผู้ถูกรักษา และเพื่อไม่ให้มีการนำเชื้อโรคอื่นๆที่อาจจะเป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกาย และเข็มที่ถูกใช้แล้วต้องถูกทำลายทิ้งหลังจากการใช้งานแล้วเสร็จ โดยต้องไม่ถูกนำกลับมาใช้ซ้ำอีกเด็ดขาด

สำหรับผลข้างเคียงในการฝังเข็ม เป็นอีกหนึ่งอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก และเมื่อใดก็ตามที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมส่งผลให้เกิดอันตรายหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น
– อาการเป็นลม ซึ่งมีสาเหตุมาจากอาการกลัวเข็ม ตื่นเต้น อ่อนเพลีย จนเกินไป
– อาการเข็มหักงอ ซึ่งเกิดมาจากการที่คุณอาจจะมีการขยับตัวในช่วงเวลาที่ปักเข็มไปตามร่างกาย ดังนั้น ผู้ป่วยจึงต้องพยายามอยู่นิ่งให้มากที่สุดในระหว่างการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้
– ปัญหาเลือดออก เนื่องมาจากเข็มอาจจะไปปักไปถูกเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังจนทำให้มีเลือดไหลออกมา ดังนั้น ในช่วงระหว่างการแทงและถอนเข็มจึงต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดเป็นเลือดที่ไหลออกมาได้ และหากมีเลือดไหลจำเป็นที่จะต้องมีการหยุดเลือดทันที เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายที่มากขึ้นไปกว่าเดิม
– การเกิดลมขังในโพรงเยื่อหุ้มปอด ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการฝังเข็ม ทำให้การฝังเข็มจะต้องใช้ความชำนาญและต้องระมัดระวังไม่ให้ปักเข็มเข้าไปในบริเวณที่อาจทะลุเข้าไปในปอด จนเกิดเป็นภาวะแทรกซ้อนที่กล่าวนี้ ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้เข้ารับการรักษา
การรักษาโรคต่างๆในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ซึ่งคุณจำเป็นที่จะต้องแน่ใจก่อนว่าความผิดปกติในร่างกายนั้นเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง เพื่อที่จะทำให้การรักษาเกิดได้อย่างตรงจุด และหายได้เร็วที่สุดโดยที่ไม่ต้องเสี่ยงได้รับอาการบาดเจ็บมากจนเกินไป รวมถึงวิธีการที่จะต้องดูแลตัวเองอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองจะต้องมารักษาร่างกายในอนาคต ดังนั้น ทุกคนต้องไม่ลืมที่จะดูแลตัวเองให้ดีในทุกๆวันด้วยนะคะ