ทำไมต้องเล่นเวท
การออกกำลังกายสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ บางคนชอบที่จะออกกำลังกายในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น ถ้าชอบวิ่งก็วิ่งอย่างเดียว ถ้าชอบทำเวทเทรนนิ่งก็ทำเวทเทรนนิ่งอย่างเดียว เป็นต้น ซึ่งการที่เราออกกำลังกายในรูปแบบเดียวแบบนี้ อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการออกกำลังกายไม่สูงสุด หรืออาจจะทำให้เราไม่สามารถที่จะบรรลุจุดประสงค์ในการที่จะมีร่างกายที่แข็งแรงได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะในความเป็นจริงแล้ว…การออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรง ควรที่จะต้องทำในหลายๆรูปแบบไปพร้อมๆกัน เพื่อสร้างทั้งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเพื่อลดไขมันส่วนเกิน ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนที่เป็นนักกีฬามักจะต้องมีการออกกำลังกายในรูปแบบของงการทำคาดิโอ ร่วมไปถึงเวทเทรนนิ่งในเวลาเดียวกัน เพราะว่าการออกกำลังกายทั้งสองรูปแบบนี้มีความสัมพันธ์กัน และควรที่จะบาลานซ์ระยะเวลาในการออกกำลังกายทั้งสองนี้

บางคนอาจจะคิดว่าถ้าอยากจะลดไขมัน หรืออยากจะทำให้รูปร่างกระชับได้สัดส่วน การยกเวทน่าจะเป็นทางออกที่ดี ที่จะทำให้กล้ามเนื้อมีความกระชับมากขึ้น แต่สำหรับคนที่มีรูปร่างผอมอยู่แล้ว อาจจะคิดว่าไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีการยกเวทเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยกเวทมีความสำคัญมากไปกว่าการกระชับสัดส่วน เพราะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อให้เกิดขึ้นมา
หากพูดถึงการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องนึกถึงวิธีการออกกำลังกายแบบที่จะต้องทำให้เกิดเหงื่อมากๆ เพื่อทำให้มีการเผาผลาญพลังงานที่สูงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การกระโดดเชือก หรือการเต้นแอโรบิค แต่แท้ที่จริงแล้วการที่เราจะลดน้ำหนักสามารถที่จะออกกำลังกายอีกหนึ่งรูปแบบได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย หรือที่เราเรียกว่าเป็นการทำเวทเทรนนิ่ง หรือ การเล่นเวทนั่นเอง
การเล่นเวทหรือการทำเวทเทรนนิ่งจะเป็นการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน (Resistance Exercise) เช่น การยกดัมเบล การแพลงค์ การเล่นเคทเทิลเบลล์ การใช้ยางยืด การใช้ขวดน้ำ หรือการใช้น้ำหนักตัวของตัวเอง เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก รวมไปถึงประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายหลายๆอย่าง ซึ่งหากเราขาดการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ไป อาจจะทำให้เป็นผลที่ไม่ดีต่อร่างกายสักเท่าไหร่
ตามปกติแล้ว ในทุกๆ 10 ปีมวลกล้ามเนื้อของมนุษย์ทุกคนจะลดลง 2.2 ถึง 4.5 กิโลกรัม ทำให้เริ่มเข้าสู่ภาวะกล้ามเนื้อน้อยเมื่อคุณแก่ตัวลง อีกทั้งมวลกระดูกของคุณก็จะลดลง 10 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ในทุกๆ 10 ปีเช่นเดียวกัน ซึ่งหากลดลงเรื่อยๆคุณก็อาจจะทำให้เกิดเป็นภาวะเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนได้ และเมื่ออายุมากขึ้น การเผาผลาญพื้นฐานก็จะลดลง 2-4% ในทุก 10 ปี ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่อ้วนง่ายเมื่ออายุมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องพยายามสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปด้วยการออกกำลังกายในรูปแบบของการเล่นเวทเทรนนิ่งนั่นเอง เพราะยิ่งเรามีกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีผลทำให้ เราสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากเท่านั้น ซึ่งก็จะมีผลต่อการลดน้ำหนักได้
การลดน้ำหนักให้ได้ตามเป้าหมาย จำเป็นต้องมุ่งเน้นการลดมวลของไขมัน ไม่ใช่มวลของกล้ามเนื้อ ซึ่งงานวิจัยพบว่าหากเราต้องการลดน้ำหนักด้วยการเน้นปรับอาหาร หรือออกกำลังแบบคาร์ดิโอ แต่ไม่เคยออกกำลังแบบใช้แรงต้านเลย จะทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเรื่อยๆอยู่ดี
ทั้งนี้ การออกกำลังกายในรูปของเวทเทรนนิ่งสามารถทำได้หลายๆแบบ หากเราไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย ก็ใช่ว่าจะมีสุขภาพที่ดีไม่ได้ เพราะเราสามารถใช้น้ำจากตัวของเราเป็นแรงต้าน และทำการออกกำลังท่าพื้นฐาน เช่น การวิดพื้น การแพลงค์ การสควอท เป็นต้น โดยในแต่ละท่าจะต้องทำให้ได้ 8 ถึง 12 ครั้งต่อ 1 เซต และ 2-4 เซตต่อท่า
ที่สำคัญ คือ การออกกำลังกายยังคงต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้ 2-3 วันต่อสัปดาห์ และต้องใช้ท่าออกกำลังกายที่ถูกต้อง เพราะหากคุณทำผิดท่าอาจจะทำให้เกิดเป็นอันตราย หรือทำให้เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้
สำหรับผู้มีโรคประจำตัวไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย เพราะบางกิจกรรมอาจจะมีผลทำให้เกิดผลเสียต่อโรคประจำตัวที่คุณเป็นอยู่ได้
โดยสรุปแล้ว หากคุณต้องการที่จะเป็นคนหนึ่งที่มีความแข็งแรงทางสุขภาพ มีน้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน มีหุ่นที่ดีสมส่วน คุณควรจำเป็นที่จะเพิ่มต้องเพิ่มการออกกำลังกายในรูปแบบของเวทเทรนนิ่งด้วยการใช้แรงต้านเข้าไปด้วย ประกอบไปกับการทำคาร์ดิโอในรูปแบบที่คุณเคยทำอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ไม่จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ราคาแพง เพราะคุณสามารถใช้น้ำหนักของตัวเอง รวมกับแรงพลังความตั้งใจ ในการออกกำลังกายได้ ขอเพียงให้ทำอย่างต่อเนื่องและทำให้ถูกท่าทาง ก็จะทำให้คุณสามารถประสบความสำเร็จในการออกกำลังกาย และช่วยให้มีสุขภาพดีอย่างที่หวังได้แล้ว