ทำไมถึงขี้ลืม
ในหนึ่งวัน…เรามีเรื่องหลายๆเรื่องที่ผ่านเข้ามาในสมองของเรา ซึ่งบางเรื่องเราก็เลือกที่จะจำ ส่วนบางเรื่องเราก็เลือกที่จะลืม เพราะหากเราเลือกที่จะจำทุกๆเรื่อง สมองคงต้องทำงานหนักจนเกินไปอย่างแน่นอน และสมองก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงขนาดที่จะจำทุกๆสิ่งที่ผ่านเข้ามาได้ทั้งหมด
แต่สำหรับบางคนแล้ว…การหลงลืมบางสิ่งบางอย่างอาจจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ทำให้เขาประสบความผิดพลาดในการใช้ชีวิตบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การลืมรหัสทางธุรกรรม การลืมแว่นตาที่ต้องใช้ตอนอ่านหนังสือ การลืมกุญแจบ้านจนเข้าบ้านไม่ได้ เป็นต้น สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นปัญหาตั้งแต่ระดับน้อยไปจนถึงมากที่แตกต่างไปในแต่ละบุคคล และควรได้รับการแก้ไขเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายไปมากกว่าเดิม
การที่คุณลืมหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่อยู่ในชีวิตประจำวันจะไม่เป็นปัญหาหากมันเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ แต่สำหรับบางอย่างแล้ว หากลืมไปจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต หรือทำให้การใช้ชีวิตยากขึ้น หรืออาจจะต้องพึ่งพาใครสักคนที่คอยเตือน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากอาการขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง ซึ่งอาการขี้ลืมนี้จะเป็นสัญญาณสำคัญของโรคอัลไซเมอร์ในอนาคตได้ด้วย

ทั้งนี้ เราสามารถที่จะสรุปปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดอาการขี้ลืมได้บ่อยๆ ได้ดังต่อไปนี้
1 พักผ่อนไม่เพียงพอ
หากคุณจำเป็นต้องทำงานหนัก นอนน้อยติดต่อกันหลายๆวัน หรือนอนไม่ถึง 7-8 ชั่วโมงในแต่ละวัน ก็ย่อมทำให้สมองต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมองเกิดความเมื่อยล้า และส่งผลต่อสมาธิที่จะเกิดขึ้น มากไปกว่านั้น การพักผ่อนไม่เพียงพอยังอาจจะยังทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิด และเกิดอาการขี้ลืมจนเป็นผลเสียและเป็นผลร้ายต่อตัวเองได้
หากคุณอยากจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ก็ต้องเพิ่มระยะเวลาในการนอนหลับให้มากขึ้น และทำให้การนอนหลับมีคุณภาพดี หรือหากใครพบปัญหาของการนอนไม่หลับเนื่องมาจากความเครียด ก็ต้องเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับคำปรึกษาหรือหาทางแก้ไขในการแก้ไขการนอนไม่หลับต่อไป
2 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่มีผลกระทบต่อสมองของคุณหากคุณดื่มในปริมาณมากและ ดื่มบ่อยจนเกินไป เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีผลกระทบต่อสมองในส่วนของฮิปโปแคมปัส ทำให้ความทรงจำบางอย่างหายไปในเวลาที่คุณดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ
การจำช่วงเวลาบางช่วงเวลาไม่ได้เป็นผลกระทบโดยตรงจากการถูกทำลายด้วยเครื่องดื่มชนิดนี้ ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ปัญหานี้หายไปก็คือการพยายามลดปริมาณการดื่มลง เพียงเท่านี้คุณก็จะมีกลับมามีความจำที่ดีได้ดังเดิม

3 ความเครียด
ความเครียดเป็นตัวการที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของคุณ เพราะความเครียดคือความรู้สึกเชิงลบที่มีผลอย่างยิ่งต่อความเศร้าหมองในจิตใจ และส่งผลกระทบต่อความทรงจำ เมื่อเราตกอยู่ในภวังค์ของความเครียดเป็นระยะเวลานานๆ สมองจะหลั่งสารสื่อประสาทออกมามากกว่าปกติ ซึ่งจะมีผลต่อปัญหาในด้านของความจำของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว
ดังนั้น หากรู้สึกเครียดมากจนเกินไป ต้องผ่อนคลายความกังวลหรือความเครียดนั้นให้ลดลง เพื่อไม่ให้ความเครียดทำให้คุณหลงลืมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญในชีวิต และพลาดสิ่งดีๆที่ควรจะเกิดขึ้นกับคุณ
4 การรับประทานยาบางชนิด
ในบางครั้งที่คุณมีการรับประทานยาเพื่อรักษาอาการของโรค อาจจะมีผลข้างเคียงที่กระทบต่อสมองในทางอ้อม การรับประทานยาบางชนิดอาจมีผลทำให้คุณมีความทรงจำที่เปลี่ยนไป เนื่องจากสมองทำงานผิดปกติ ยาดังกล่าวที่มีผลมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ยารักษาโรคอ้วน ยารักษาโรคไขมันในเลือดสูง หรือยาบางชนิดที่มีผลต่อการระงับประสาท ซึ่งย่อมมีผลทำให้คุณเกิดอาการขี้ลืมได้มากกว่าคนทั่วๆไปทั้งนั้น
5 อายุ
อายุที่เพิ่มมากขึ้นย่อมสวนทางกับความสมบูรณ์ของสมองที่ลดลง โดยเฉพาะคนที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ปัญหาความทรงจำของคุณจะเข้ามามีผลต่อการใช้ชีวิตของคุณมากขึ้น คุณอาจจะหลงลืมสิ่งง่ายๆรอบๆตัว และสิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ยาก ดังจะเห็นว่าคนแก่มันจะขี้ลืมสิ่งที่อยู่รอบตัวได้ง่ายๆมากกว่าคนที่มีอายุน้อย
วิธีการที่ดีที่สุดจึงเป็นการพยายามรักษาให้สมองเสื่อมสภาพลงอย่างช้าที่สุด ด้วยการพยายามรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือเสริมวิตามินที่มีส่วนในการบำรุงสมอง รวมไปถึงการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การกระทำที่เหมาะสมจะช่วยลดอาการเสื่อมของสมองตามช่วงเวลาได้
ถึงแม้ว่าในวันนี้คุณอาจจะยังเป็นคนที่ไม่ได้พบเจอกับปัญหาของการขี้หลงขี้ลืม หรือปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะยังไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตของคุณสักเท่าไหร่นัก แต่ก็อยากให้มองไปในอนาคตว่า ณ วันหนึ่งหากคุณปฏิบัติตัวอย่างไม่เหมาะสม สมองก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็อาจจะเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆที่ร้ายแรงกว่าเดิม เช่น โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น
ดังนั้น การดูแลสมองตั้งแต่วันนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายๆที่ทุกคนควรที่จะทำเพื่อตัวของคุณเอง เพราะยิ่งเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้สมองได้รับการดูแลเร็วมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น