มังสวิรัติ ทานได้แค่ไหน
หากพูดถึงอาหารมังสวิรัติ เชื่อว่าหลายคนก็ต้องเข้าใจว่าเป็นอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ และเน้นการรับประทานผักเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นอาหารมังสวิรัติเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และช่วยลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตลงได้ แต่หากเรามองอาหารมังสวิรัติลงไปให้ละเอียดกว่าเดิม
จะพบว่าในความเป็นจริงแล้ว มังสวิรัติสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท แตกต่างกันไปตามชนิดของอาหารที่เลือกรับประทาน ซึ่งแต่ละรูปแบบอาจจะมีการเลือกรับประทานเนื้อสัตว์หรือโปรตีนได้บ้างในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในวันนี้เราจะมาศึกษาให้ละเอียดกัน

โดยส่วยใหญ่แล้ว ชาวมังสวิรัติเลือกที่จะรับประทานอาหารประเภทนี้เพราะต้องการที่จะละเว้นการฆ่าสัตว์ ในขณะที่ บางคนอาจจะคิดว่าการละเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์จะเป็นประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า ไม่ว่าคุณจะคาดหวังอะไรจากการรับประทานมังสวิรัติ คุณก็ต้องมองอีกมุมหนึ่งด้วยว่าการที่เลือกรับประทานอาหารบางประเภท อาจจะทำให้คุณขาดสารอาหารบางอย่างไปได้เช่นเดียวกัน ซึ่งคุณจำเป็นต้องรู้และเติมสารอาหารที่ขาดไปในรูปแบบของอาหารอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มที่สามารถรับประทานได้
ทั้งนี้ มังสวิรัติสามารถแบ่งออกได้หลากหลายประเภท ดังที่เราจะยกตัวอย่างมังสวิรัติที่คนส่วนใหญ่ในโลกนี้นิยมรับประทานได้ ดังต่อไปนี้
1 มังสวิรัติ แบบ Lacto-ovo
ถือเป็นรูปแบบของมังสวิรัติแบบดั้งเดิม ซึ่งจะไม่รับประทานเนื้อสัตว์ แต่สามารถรับประทานไข่และผลิตภัณฑ์จากนมได้ ตัวอย่างอาหารที่รับประทานได้ เช่น ชีส เนย โยเกิร์ต หรือไอศกรีม เป็นต้น ทำให้มังสวิรัติแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูและพุทธ
2 มังสวิรัติแบบ Lacto
ถือเป็นรูปแบบของการรับประทานมังสวิรัติที่สามารถทานผลิตภัณฑ์จากนมได้ แต่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์หรือไข่ไ ซึ่งรูปแบบการรับประทานนี้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้นับถือศาสนาเซน ฮินดูหรือพุทธ
3 มังสวิรัติแบบ Ovo
ถือเป็นรูปแบบของการรับประทานมังสวิรัติที่ไม่ทานผลิตภัณฑ์จากนม แต่รับประทานไข่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรุงในลักษณะใดก็ตาม
4 อาหารแบบ เพสคาทาเรียน (Pescatarian)
ถือเป็นรูปแบบของการรับประทานที่เน้นปลา ไม่ว่าจะเป็นปลาอะไรก็ตาม เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น แต่ทั้งนี้จะหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์อย่างเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อวัว ้อีกทั้ง สามารถรับประทานผลิตภัณฑ์จากนมและไข่ได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล
5 อาหารมังสวิรัติแบบต้นตำรับ
สำหรับการรับประทานอาหารแบบนี้จะหลีกเลี่ยงการรับประทานผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ นม และไข่ทุกอย่าง บางท่านอาจจะเคร่งจนไม่รับประทานน้ำผึ้ง ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ซึ่งเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน ดังนั้น อาหารมังสวิรัติประเภทนี้จึงเน้นอาหารที่มาจากพืช ผักผลไม้ ถั่ว เป็นต้น นอกจากนี้ยังงดเว้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคที่มีส่วนผสมที่มาจากสัตว์ ทั้งจากเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า เพราะไม่ต้องการที่จะทำลายหรือเบียดเบียนชีวิตของสัตว์ด้วยเช่นกัน
6 การรับประทานอาหารแบบยืดหยุ่น
การรับประทานแบบนี้สามารถรับประทานผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ได้ แต่รับประทานในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น และต้องเน้นการรับประทานพืชเป็นหลัก ส่วนผลิตภัณฑ์จากไข่หรือนมก็สามารถรับประทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะ โดยมีหลักการคือจะต้องได้รับโปรตีนจากพืชมากที่สุด และจำกัดปริมาณเนื้อสัตว์ น้ำตาลและอาหารแปรรูป การรับประทานในรูปแบบนี้ไม่จัดว่าเป็นมังสวิรัติ เพราะพวกเขาก็ยังคงรับประทานเนื้อสัตว์อยู่ เพียงแต่จำกัดปริมาณให้มีการรับประทานในปริมาณที่น้อยลงกว่าที่คนแกติทั่วไปรับประทานกัน ซึ่งแต่ละคนสามารถที่จะออกแบบสัดส่วนของอาหารให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเองได้

จะเห็นได้ว่าการรับประทานมังสวิรัติในแต่ละรูปแบบก็จะมีประเภทของอาหารที่งดเว้นแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะหากเป็นมังสวิรัติแบบต้นตำรับ อาหารที่สามารถรับประทานได้จะมีความหลากหลายน้อยที่สุด มีความจำกัดชนิดของอาหารที่สามารถเลือกรับประทานได้ ดังนั้น ผู้ทานมังสวิรัติแบบนี้จึงต้องมีการรับประทานวิตามินเสริมหรือแร่ธาตุเสริม ซึ่งเป็นสารอาหารที่ไม่สามารถจะหาทานได้ในผักผลไม้ เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก ไขมันโอเมก้า สังกะสี เป็นต้น
การเลือกรับประทานมังสวิรัติไม่ควรที่จะทำเพราะทำตามกระแส หรือเห็นว่าคนอื่นทำก็อยากลองทำบ้าง แต่ควรพิจารณาถึงคุณค่าทางโภชนาการที่ควรจะได้รับในแต่ละวันในแต่ละช่วงวัย รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเองว่ามีความสอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการหรือไม่ เพราะการรับประทานอาหารประเภทนี้จำเป็นจะต้องรักษาความสม่ำเสมอ หากงดเว้นการรับประทานอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไป ย่อมมีผลต่อสารอาหารที่ลดน้อยลง และหากไม่เติมสารอาหารเข้าไปให้สมดุลกับความต้องการของร่างกาย ก็อาจจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ร้ายหรือโรคขาดสารอาหารที่คุณไม่ต้องการได้
ทั้งนี้ คุณสามารถทดลองอาหารมังสวิรัติได้ในหลากหลายรูปแบบ และอาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบตามที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล จนกว่าคุณจะพบว่ารูปแบบอาหารใดที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด และสบายใจมากที่สุด ซึ่งแม้ว่าคุณจะตามหารูปแบบที่คุณต้องการเจอแล้ว ในอนาคตข้างหน้าก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นเดียวกับตามสภาพของร่างกายที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน
การรับประทานมังสวิรัติจะไม่มีประโยชน์เลยหากคุณตึงเกินไป หรือเคร่งครัดเกินกว่าที่ร่างกายแต่ละคนจะทนไหว หากร่างกายของคุณยังไม่พร้อม คุณก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำบุญกับสัตว์โลกได้ ไม่จำเป็นต้องทำด้วยการจำกัดอาหารการกินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น