กินโยเกิร์ตทุกวัน

มีอาหารมากมายบนโลกนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘อาหารเพื่อสุขภาพ’ ที่ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องตามหา และรับประทานมันเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากอาหารเหล่านั้น และหนึ่งในอาหารที่คนส่วนใหญ่ต้องการหามารับประทาน นั่นก็คือ “โยเกิร์ต” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเภทของอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก

โยเกิร์ตเป็นอาหารที่ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย และยังมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบภายในร่างกายหลายๆส่วน โดยเฉพาะระบบการย่อยอาหาร

ทั้งนี้ ก็เพราะว่าโยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์นมที่ทำมาด้วยการหมักด้วยจุลินทรีย์บางชนิด เมื่อเรารับประทานเข้าไปจะเป็นการเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ จึงเป็นประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหาร ที่สำคัญวิตามินหรือแร่ธาตุที่อยู่ในโยเกิร์ตยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน หรือบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวนได้ด้วย

กระบวนการในการผลิตโยเกิร์ตจะต้องมีการนำเอานมมาผ่านการฆ่าเชื้อก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการหมัก เพื่อทำให้เกิดเป็นแบคทีเรียที่มีชีวิต และแบคทีเรียเหล่านั้นก็จะเข้าไปในร่างกายเพื่อกระตุ้นให้ระบบเกิดความสมดุลภายในลำไส้ ทำให้เป็นประโยชน์ที่ดีต่อระบบการขับถ่ายของร่างกาย

ทั้งนี้ กระบวนการผลิตโยเกิร์ตจะเป็นการหมักน้ำตาลแลคโตส ทำให้เกิดเป็นกรดแลคติก จึงทำให้โยเกิร์ตมีรสชาติเปรี้ยว รวมไปถึงการมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งโยเกิร์ตสามารถที่จะผลิตได้จากนมทุกๆประเภท ซึ่งวัตถุดิบนมที่แตกต่างกันก็จะมีผลทำให้โยเกิร์ตที่ได้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปด้วย

ในปัจจุบันมีการผลิตโยเกิร์ตในเชิงพาณิชย์ที่มีการเติมสารปรุงแต่งต่างๆเข้าไป เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางรสชาติและคุณประโยชน์ ให้มีความแตกต่างและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสามารถที่จะเลือกทานโยเกกิร์ตในรูปแบบที่ตัวเองชื่นชอบ โดยสังเกตได้จากฉลากโภชนาการที่จะระบุเอาไว้ว่าโยเกิร์ตแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร

ทั้งนี้ เราขอพูดถึงประโยชน์ของโยเกิร์ตในภาพรวม พวกคุณจะได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากการรับประทานอาหารประเภทนี้ ลองมาดูกันเลย

1 โปรตีนสูง

หากคุณต้องการอาหารที่โปรตีน คุณสามารถรับประทานโยเกิร์ตเข้าไปได้เลย เพราะโยเกิร์ตมีปริมาณโปรตีนสูงถึง 12 กรัมต่อโยเกิร์ต 200 กรัม ซึ่งโปรตีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ และการที่ได้รับปริมาณโปรตีนที่เพียงพอ จะช่วยในการควบคุมความอยากอาหารได้ด้วย จึงทำให้คุณมีความสามารถที่จะลดหรือควบคุมน้ำหนักได้

จากการศึกษา พบว่า ผู้ที่ทานโยเกิร์ตจะรู้สึกหิวน้อยลง และทำให้บริโภคอาหารเย็นน้อยลงได้ เมื่อเทียบกับคนที่ทานขนมอื่นๆที่มีโปรตีนต่ำหรือมีแคลอรี่เท่ากัน

2 ประโยชน์ต่อทางเดินอาหาร

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าในโยเกิร์ตจะมีแบคทีเรียที่มีชีวิตบางชนิด ซึ่งแบคทีเรียตัวนี้ เรียกว่า โปรไบโอติกส์ การรับประทานโยเกิร์ตเข้าไปจะทำให้ร่างกายได้รับโปรไบโอติกส์ ที่จะเข้าไปช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารของเรามีความสมบูรณ์มากขึ้น ช่วยลดอาการของโรคลำไส้แปรปรวน และจะส่งผลดีต่อลำไส้ใหญ่ได้

การที่คุณรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำ จะช่วยให้สุขภาพด้านการย่อยอาหารสมบูรณ์ ลดอาการท้องผูก หรือลดปัญหาเกี่ยวข้องกับทางเดินอาหารลงได้

3 ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

หากคุณได้รับโปรไบโอติกส์ที่อยู่ในโยเกิร์ตเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของคุณแข็งแรงมากขึ้น ช่วยลดโอกาสในการเจ็บป่วย เนื่องมาจากโปรไบโอติกส์สามารถที่จะลดการอักเสบซึ่งเชื่อมโยงกับสภาวะสุขภาพหลายๆอย่างในร่างกาย

ทั้งนี้ มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า โปรไบโอติกส์จะช่วยลดระยะเวลาและลดความรุนแรงของการเป็นโรคไข้หวัดได้ และยังมีบทบาทที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ที่จะทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ยากมากขึ้นด้วย

4 ป้องกันโรคกระดูกพรุน

นอกเหนือจากโปรไบโอติกส์แล้ว ในโยเกิร์ตก็ยังมีแร่ธาตุที่สำคัญหลายอย่างที่จะช่วยในการเสริมสร้างความสมบูรณ์ของกระดูก ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดี ซึ่งหากเราได้รับอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มักจะมีความหนาแน่นของมวลกระดูกที่ลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการกระดูกหักได้

หากผู้สูงอายุได้รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน ก็จะเป็นหนึ่งหนทางที่ช่วยรักษามวลกระดูก และทำให้ความแข็งแรงของกระดูกเพิ่มขึ้นได้

5 เป็นประโยชน์ต่อหัวใจ

ในโยเกิร์ตมักจะประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการรับประทานไขมันอิ่มตัวมีประโยชน์ที่ดีต่อหัวใจมากกว่าการได้รับไขมันไม่อิ่มตัว งานวิจัยบางชิ้นพบว่า การรับประทานโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลประเภทดี และช่วยลดคอเลสเตอรอลประเภทไม่ดีได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของหัวใจ

อย่างที่บอกไปว่าโยเกิร์ตนั้นเหมาะสมกับคนหลายๆประเภท แต่ก็อาจจะมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่สามารถที่จะรับประทานโยเกิร์ตได้ เนื่องมาจากมีอาการแพ้ในบางอย่าง เช่น

คนที่แพ้แลคโตส แม้ว่าในโยเกิร์ตจะมีปริมาณน้ำตาลแลคโตสที่น้อยกว่าในนมวัวปกติ แต่ก็ยังคงมีเหลืออยู่บางส่วน ซึ่งคนแพ้แลคโตสบางประเภทอาจจะไม่สามารถรับประทานโยเกิร์ตได้

คนเป็นโรคเบาหวาน เนื่องมาจากในโยเกิร์ตบางประเภทยังคงมีการเติมน้ำตาลเข้าไปในปริมาณที่สูง เพื่อให้มีรสชาติที่อร่อยถูกปาก ดังนั้น คนที่เป็นเบาหวานหรือเป็นโรคอ้วนจำเป็นจะต้องอ่านฉลากให้ชัดเจน และอาจจะต้องหลีกเลี่ยงโยเกิร์ตที่มีการใส่น้ำตาลในปริมาณสูง เป็นต้น

โดยรวมแล้วเราจะพบว่าการรับประทานโยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้ คุณก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด เพื่อให้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเป็นประโยชน์ที่ดีต่อคุณจริงๆ