หลับสบายด้วยเมลาโทนิน
ในปัจจุบันมีหลายๆผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้บริโภครับประทานก่อนนอน ซึ่งจะมีผลทำให้พวกเขาสามารถนอนหลับได้สบายตลอดทั้งคืน ทำให้การพักผ่อนได้รับการเติมเต็มให้ได้มากที่สุด และทำให้มีพลังงานที่เหลือใช้อย่างเหมาะสมในวันต่อไป
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เชื่อว่ามีความสามารถที่จะทำให้การนอนหลับของคุณเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยม ก็คือ สารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “เมลาโทนิน” ซึ่งเป็นสารยอดนิยมที่คนมักจะเอามาใส่ในผลิตภัณฑ์อาหาร ไม่ว่าจะเป็น นม เครื่องดื่ม เป็นต้น พร้อมกับการกล่าวอ้างว่าหากคุณได้รับประทานสารตัวนี้เข้าไปในร่างกาย จะทำให้การนอนหลับคุณต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน
เพราะเหตุใดเมลาโทนินถึงช่วยเพิ่มคุณภาพในการนอนของคุณลงได้ ลองมาหาคำตอบได้เลยค่ะ

เมลาโทนิน เป็นหนึ่งในฮอร์โมนร่างกายที่มนุษย์สามารถที่จะผลิตเองได้ตามธรรมชาติ และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมวงจรในการตื่นนอนของมนุษย์ ซึ่งโดยทั่วไปตามธรรมชาติแล้ว ระดับของเมลาโทนินในเลือดจะสูงขึ้นในช่วงตอนกลางคืน ซึ่งเป็นผลที่ดีต่อการนอนหลับ
มากไปกว่านั้นมีงานวิจัยบางชนิดชี้ให้เห็นว่าอาหารที่มีการเสริมเมลาโทนินเข้าไป จะมีประโยชน์ในการรักษาความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการนอนหลับไม่สนิท หรือบรรเทาอาการเจ็ทแลค
อย่างไรก็ตาม เมลาโทนินปลอดภัยสำหรับการใช้งานในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากยานอนหลับหลายชนิดที่หลายๆคนคุ้นเคย แลtหากเรามีการรับประทานเมลาโทนินเป็นประจำจะมีผลอย่างไรต่อร่างกาย มีความปลอดภัยต่อร่างกายมากหรือไม่ และจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีการเสริมเมลาโทนินก่อนนอนทุกคืน
เมลาโทนิน ถือเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายสร้างขึ้นจากต่อมไพเนียล ซึ่งอยู่ในสมองของคนทุกคน ซึ่ง โดยธรรมชาติแล้วความมืดจะกระตุ้นให้ระดับเมลาโทนินในสมองเพิ่มมากขึ้น และจะเพิ่มสูงสุดในช่วงเวลากลางดึก ในขณะที่ เมลาโทนินจะลดลงเมื่อรุ่งเช้า โดยการทำงานของเมลาโทนินจะยับยั้งสัญญาณในสมองที่ทำให้รู้สึกตื่นตัว จึงมีผลทำให้คุณสามารถที่จะนอนหลับในตอนกลางคืนได้ดีนั่นเอง
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ได้ควบคุมว่าเมลาโทนินเป็นยา เพียงแต่มีการจำกัดถึงปริมาณเมลาโทนินที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อมนุษย์ โดยมีการกำหนดระดับของเมลาโทนินโดยทั่วไปอยู่ที่ระหว่าง 1 ถึง 5 มิลลิกรัม แต่หากเป็นเด็กที่มีอายุน้อยกว่าก็จะมีปริมาณการใช้ที่น้อยกว่าในผู้ใหญ่ ส่วนในผู้สูงอายุ ระดับเมลาโทนินในร่างกายของผู้สูงอายุจะลดลง ดังนั้น การเสริมอาหารด้วยเมลาโทนนินจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้สูงอายุที่มักจะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับการนอนหลับ
ทั้งนี้ มีงานวิจัยที่ศึกษาการใช้ยานอนหลับสำหรับผู้สูงอายุในปี 2016 โดยแนะนำมาว่าผู้สูงอายุควรที่จะใช้เมลาโทนินอยู่ที่ประมาณ 1-2 มิลลิกรัม เพื่อทำให้การนอนหลับง่ายขึ้นมากกว่าเดิม

จากข้อมูลของ National Center for Complementary and Integrative Health (NCCIH) กล่าวไว้ว่า การใช้อาหารเสริมเมลาโทนินในระยะสั้นค่อนข้างเป็นสิ่งที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก แต่การใช้ในระยะยาวถือว่ามีข้อจำกัด ซึ่งการใช้เมลาโทนินในระยะยาวในผู้ใหญ่อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียง แต่คงไม่รุนแรงเท่ากับการใช้ยานอนหลับ ส่วนการใช้เมลาโทนินในระยะยาวในเด็กยังคงเป็นข้อจำกัด ซึ่งอาจจะมีความกังวลว่าหากมีการใช้เมลาโทนินในระยะยาวในเด็ก อาจจะมีผลต่อการชะลอพัฒนาการในการเข้าสู่วัยรุ่นได้
การใช้เมลาโทนินมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็อาจจะเป็นอาการง่วงนอน ปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้ เกิดความรู้สึกหงุดหงิด ซึมเศร้า หรือสับสน ซึ่งหากคุณเกิดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรับประทานเมลาโทนิน ควรที่จะหยุดรับประทาน และปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์แนะนำทางเลือกใหม่ในการรักษาการนอนหลับ
สำหรับหลายคนแล้วอาจจะไม่สามารถที่จะรับประทานเมลาโทนินได้ เพราะอาจจะมีผลบางอย่างเกี่ยวข้องกับร่างกาย กลุ่มคนที่ไม่ควรที่จะรับประทานเมลาโทนิน ก็คือ กลุ่มคนที่กำลังตั้งครรภ์ กลุ่มคนที่กำลังให้นมบุตร เป็นต้น นอกจากนี้ คนที่มีอาการเป็นโรคลมบ้าหมู โรคไต โรคตับ หรือมีอาการเคยแพ้เมลาโทนินมาก่อน ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้เมลาโทนินทุกครั้ง
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เกี่ยวข้องกับเมลาโทนิน สามารถช่วยส่งเสริมการนอนหลับของมนุษย์ได้จริง แต่ในปัจจุบันยังไม่มีปริมาณหรือมาตรฐานกำหนดว่าควรจะรับประทานเท่าไหร่ ดังนั้น คงจะเป็นการดีกว่าหากคุณได้รับการปรึกษาจากแพทย์ และควรที่จะใช้เมลาโทนินในระยะสั้นเท่านั้น เพราะหากใช้ในระยะยาวอาจจะมีข้อจำกัด หรือมีผลข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้น แม้ว่ามันอาจจะไม่รุนแรงเท่ากับการใช้ยานอนหลับชนิดอื่น แต่หากไม่เกิดขึ้นกับร่างกายเราก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
หวังว่าการนอนหลับของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดี เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อม และเกิดความสดชื่น ตื่นเต็มตาในยามเช้าของทุกๆวัน