การดูแลสุขภาพ, บทความน่ารู้, บทความสุขภาพ, สุขภาพ, สุขภาพดี, สุขภาพน่ารู้

บุหรี่ไฟฟ้า…อันตรายที่ต้องเลิกให้ขาด

บุหรี่ไฟฟ้า…อันตรายที่ต้องเลิกให้ขาด

 

โลกเรายังไม่สามารถปฏิเสธบุหรี่ได้ และยังมีอีกหลายคนที่จำเป็นจะต้องใช้มัน เพื่อบำบัดอาการบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด หรือความตื่นเต้น แม้จะรู้ดีว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย รู้ดีอย่างยิ่งว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการหายใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังไม่สามารถที่จะกำจัดมันออกไปจากโลกมนุษย์นี้ได้ แถมยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆขึ้นมาที่ทำให้การสูบบุหรี่ง่ายมากกว่าเดิม

แม้ว่าทุกๆวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี จะเป็นวันงดสูบบุหรี่โลกที่กรมอนามัยโลกออกมารณรงค์ให้ผู้คนเห็นถึงอันตรายของการสูบบุหรี่ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสุขภาพของผู้สูบและผู้ที่อยู่ใกล้เคียง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้การสูบบุหรี่หายไปได้อย่างเด็ดขาด

ภาพจาก : https://www.pexels.com/photo/man-in-black-suit-holding-a-cigarette-3760390/

การสูบบุหรี่ในปัจจุบันอาจจะไม่ใช่บุหรี่ธรรมดาทั่วไปที่เราใช้กันมานานอีกแล้ว แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งถือเป็นไอเทมใหม่ที่จะทำให้ผู้ที่รักการสูบบุหรี่มีความสุขมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่มากเพียงพอที่จะระบุถึงอันตรายของสารเคมีที่อยู่ในตัวบุหรี่ไฟฟ้าอย่างชัดเจน แต่ก็พอจะอนุมานได้ว่าการใช้ในระยะยาวย่อมทำให้เกิดอันตรายขึ้น

เพราะฉะนั้นการรณรงค์เลิกบุหรี่จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่การรณรงค์เลิกบุหรี่ธรรมดาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องรวมไปถึงบุหรี่ไฟฟ้าที่มีอันตรายร้ายแรงไม่แพ้กันไปด้วย

บุหรี่ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์การสูบบุหรี่ที่ใช้กลไกทางไฟฟ้าเพื่อทำให้เกิดเป็นความร้อนและไอน้ำ โดยจะเกิดขึ้นมาจากสารเคมีบางอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ บุหรี่ชนิดนี้จะไม่มีกระบวนการเผาไหม้เหมือนเช่นบุหรี่ทั่วไป แต่จะประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลัก ได้แก่ แบตเตอรี่ ตัวที่ทำให้เกิดไอ และความร้อน

ส่วนของน้ำยาในบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นจุดที่สำคัญที่สุด เพราะจะมีสารประกอบหลักๆ คือ “นิโคติน” ซึ่งเป็นที่เรารู้กันว่ามันคือสารเสพติดชนิดหนึ่ง รวมไปถึงยังมีโพรไพลีนไกลคอน กลีเซอรีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดเป็นไอขึ้นมาได้

แม้ว่าสารประกอบต่างๆเหล่านี้จะถูกอนุญาตให้สามารถใช้ในอาหารและยาได้ แต่เมื่อนำมาผสมรวมกันก็ยังไม่ชี้ชัดว่าจะส่งผลอันตรายต่อร่างกายมากแค่ใด ดังนั้น ความเหมือนกันของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและการสูบบุหรี่ธรรมดา สิ่งที่เราจะได้รับเข้าไปนั่นก็คือสารนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มความดันโลหิต เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเป็นโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจและช่องปาก

นอกจากนี้ นิโคตินยังมีผลในการกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจะมีผลทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน กระตุ้นให้จำนวนเซลล์ผนังหลอดเลือดเพิ่มขึ้น จนเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ ในขณะที่ หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับนิโคตินเข้าไป ก็จะเสี่ยงต่อการพัฒนาของสมองของทารกในครรภ์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสารที่อันตรายมากที่สุด ก็คือ นิโคติน นี่เอง และหากได้รับนิโคตินในปริมาณที่สูง 60 mg ก็จะทำให้ผู้ใหญ่ผู้ใหญ่คนนั้นเสียชีวิตได้เลย ในขณะที่เด็กได้รับนิโคตินเพียง 6 มิลลิกรัม ก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้แล้ว

ภาพจาก : https://www.pexels.com/photo/thoughtful-young-woman-vaping-in-dark-room-4582463/

ในขณะนี้ สารตัวอื่นๆก็ก่อให้เกิดความระคายเคืองของอวัยวะและผิวหนัง โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด หรือโรคถุงลมโป่งพอง นอกจากนี้ ในบุหรี่ไฟฟ้ายังพบสารอันตรายอื่นๆอีกไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของโลหะหนัก หรือสารหนู ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคต่างๆได้ทั้งสิ้น

และเนื่องมาจากการมีสารต่างๆเหล่านี้…การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นหนึ่งในสารเสพติดที่ไม่แตกต่างไปจากบุหรี่ธรรมดาเลย มากไปกว่านั้น…ขั้นตอนในการสูบบุหรี่ไฟฟ้าก็มีความใกล้เคียงกับการสูบบุหรี่ธรรมดาอย่างมาก ทำให้ผู้สูบยังคงมีพฤติกรรมการเสพติดไม่แตกต่างไปจากการสูบบุหรี่ธรรมดา

หลายคนคิดว่าการเลิกสูบบุหรี่ธรรมดาแล้วหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทน จะช่วยให้ร่างกายได้รับการบรรเทาที่ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น และยังเลวร้ายไปกว่านั้นด้วยซ้ำ

โทษของสารนิโคตินที่คุณได้จากการสูบบุหรี่ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม ที่สำคัญไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าจะมีขนาดของอนุภาคที่เล็กกว่าบุหรี่ธรรมดา ทำให้สามารถสูดดมเข้าไปในปอดในส่วนที่ลึกมากกว่าเดิมได้ และเมื่ออนุภาคเล็กๆนี้เขาไปจับอยู่กับเนื้อเยื่อของปอด และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ก็จะทำให้เกิดการดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและขับออกมายาก

ทั้งนี้ ประเทศไทยก็มีการป้องกันด้วยการยกให้บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าต้องห้าม ใครที่มีไว้ในครอบครองจะถือว่ามีความผิดทั้งการเป็นผู้นำเข้า ผู้ขาย และผู้ใช้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ ผู้ขายมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 เท่าของสินค้านำเข้า หรือทั้งจำทั้งปรับ ในขณะที่ผู้ครอบครองก็ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 4 เท่าของราคารวมค่าอากร

บุหรี่ไฟฟ้าคงไม่ใช่วิธีการในการแก้ไขอาการติดบุหรี่ ดังนั้น หากคุณอยากจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น ก็ควรที่จะเลิกให้ได้ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อประโยชน์ของคุณเองและคนรอบข้างที่คุณรักด้วย

Sending
User Review
0 (0 votes)