ปัสสาวะเล็ด เรื่องเล็กแต่ปัญหาใหญ่
คนเราถ้าสามารถกินอิ่ม นอนหลับ ขับถ่ายได้สะดวก ก็คงเป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิตแล้ว แต่บางคนก็ยังมีปัญหาในเรื่องของการขับถ่ายที่ไม่คล่องตัว ต้องคอยแวะเข้าห้องน้ำบ่อยๆ หรือมีปัญหาบางประการที่ทำให้เกิดเป็นความทุกข์ใจเล็กๆน้อยๆ ซึ่งอาจจะกระทบต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆได้
หนึ่งในปัญหาเกี่ยวข้องกับการขับถ่ายที่มักจะพบกัน ก็คือ ปัญหาปัสสาวะเล็ด ซึ่งหากใครมองข้ามมันไป อาจจะทำให้เกิดเป็นการกัดเนื้อเยื่อจนเป็นแผล เกิดกลิ่น และเกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคจนทำให้กลายเป็นปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมายได้
แต่ทั้งนี้ อาการปัสสาวะเล็ดก็ไม่ใช่เรื่องที่จะน่ากลัวอีกต่อไปแล้ว เพราะในปัจจุบันสามารถที่จะรักษาให้หายขาด และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับอันตรายของอาการปัสสาวะเล็ด มักเกิดขึ้นมาจากสาเหตุจากโรคอื่น ในบางรายมักเกิดอาการปัสสาวะเล็ดจากการบีบตัวที่ผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ หรืออาจจะเป็นเพราะผู้ป่วยมีภาวะมีนิ่วหรือเนื้องอกอยู่ในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งหากไม่ได้รับการตรวจรักษาโดยผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องระบบทางเดินปัสสาวะโดยตรง ก็อาจจะทำให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ และเกิดเป็นภาวะปัสสาวะเล็ดได้
เมื่อใดก็ตามที่ผู้ป่วยพบปัญหาปัสสาวะเล็ด ก็จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษา ไม่ควรที่จะปล่อยให้หายเอง ซึ่งวิธีการในการรักษาในปัจจุบันก็มีอยู่หลากหลายวิธี ดังต่อไปนี้
1 การรับประทานยา
ยาที่ใช้ในการรักษาโรคปัสสาวะเล็ดจะต้องเป็นยาที่ช่วยในการบีบตัวของกล้ามเนื้อบริเวณท่อปัสสาวะ หรือเป็นยาที่ลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหูรูดที่ทำงานสนับสนุนกระเพาะปัสสาวะอยู่
ยาตัวนี้จะช่วยลดอาการปวดปัสสาวะ และลดความถี่ในการถ่ายปัสสาวะลงได้ แต่จะมีผลข้างเคียงคืออาจจะทำให้คุณมองภาพเบลอ ปากแห้ง และมีอาการท้องผูกได้
2 การขมิบช่องคลอด
วิธีนี้เป็นการรักษาด้วยตัวเอง โดยการขมิบช่องคลอดจะเป็นการออกกำลังเพื่อทำให้กล้ามเนื้อช่องคลอดและท่อปัสสาวะมีความแข็งแรงมากขึ้น และจะช่วยแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดได้ แต่วิธีนี้จำเป็นต้องใช้เวลาและต้องใช้ความต่อเนื่อง จึงทำให้เห็นผลค่อนข้างช้า
โดยวิธีการขมิบช่องคลอดสามารถที่จะทำได้ในทุกๆอิริยาบถ ซึ่งการขมิบที่ถูกต้องต้องควบคุมให้เป็นการขมิบของบริเวณกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเท่านั้น คล้ายๆกับการกลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะ โดยไม่ต้องเกร็งหน้าท้องหรือต้นขาร่วมด้วย การขมิบแต่ละครั้งให้ทำค้างไว้ 10 ถึง 20 วินาทีแล้วค่อยๆผ่อนออกในระยะเวลาที่เท่ากัน หลังจากนั้นก็ทำซ้ำไปเรื่อยๆ และสามารถทำบ่อยได้เท่าที่คุณต้องการ
ทั้งนี้ ในช่วงแรกๆอาจจะทำการฝึกในจำนวนน้อยๆครั้งก่อน เมื่อมีความชำนาญในการฝึกกล้ามเนื้อมากขึ้น จึงเพิ่มความถี่และระยะเวลามากขึ้นกว่าเดิม

3 การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า
สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ไม่สามารถที่จะบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ด้วยตัวเอง หรือทำได้แต่ไม่ดีเพียงพอ อีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยกระชับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงการได้ ก็คือ การใช้กระแสไฟฟ้าขนาดต่ำ ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด กระแสไฟนี้จะเข้าไปกระตุ้นอวัยวะส่วนที่มีปัญหา และมีผลโดยตรงที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะมีการขยายตัว เพื่อแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดได้
4 การฉีดโบท็อกซ์
อย่าเข้าใจผิดว่าการฉีดโบท็อกซ์มีหน้าที่เพียงแค่การทำให้ใบหน้ายกกระชับ หรือลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าเท่านั้น แต่ว่าการฉีดโบท็อกซ์ยังช่วยในการรักษาอาการกระเพาะปัสสาวะเล็ดได้ด้วย
โดยวิธีนี้จะมีการใช้สารโบท็อกซ์จำนวนเล็กน้อยฉีดไปที่กระเพาะปัสสาวะ เพื่อทำให้กระเพาะกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะไม่หดหรือบีบตัวมากเกินไป จนเป็นสาเหตุทำให้ต้องรีบถ่ายปัสสาวะในทันที ทั้งนี้ การใช้โบท็อกซ์ก็มีผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น เกิดเป็นปัญหาปัสสาวะลำบากจนต้องใช้สายสวนปัสสาวะ เป็นต้น
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ การฉีดโบท็อกซ์จำเป็นจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะฤทธิ์ของโบท็อกซ์จะอยู่ได้เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น เมื่อฤทธิ์ยาหมดก็ต้องทำการกระตุ้นใหม่เรื่อยๆตลอดไป
5 การใช้สายคล้อง
วิธีสุดท้ายนี้เป็นวิธีการในการผ่าตัดและใช้สายคล้อง ซึ่งในอดีตการรักษาด้วยวิธีนี้จะเป็นการผ่าตัดใหญ่และมีแผลขนาดใหญ่ที่หน้าท้อง แต่ในปัจจุบันสามารถที่จะผ่าตัดด้วยวิธีเดียวกันแต่มีขนาดแผลที่เล็กลงได้ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการใช้วัสดุสังเคราะห์ที่อยู่ในรูปของโบวเส้นเล็ก หรืออาจจะเป็นเนื้อเยื่อจากท่อปัสสาวะของผู้ป่วยเอง ไปทดแทนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่เสื่อมไป และพยุงท่อปัสสาวะเอาไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ด
จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดสามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความหนักหนาสาหัสของปัญหาที่คุณเป็นอยู่ ส่วนคนที่จะสามารถตัดสินใจได้ว่าคุณควรที่จะต้องรักษาด้วยวิธีการใดก็คงเป็นการเข้าไปตรวจวิเคราะห์กับคุณหมอก่อน เพื่อให้คุณหมอตัดสินว่าคุณนั้นมีอาการหนักในระดับใด เพื่อที่จะหาวิธีการแก้ไขได้ดีที่สุด
เมื่อคุณได้รับการแก้ไขด้วยวิธีการที่ถูกต้องก็ย่อมช่วยให้ปัญหาปัสสาวะเล็ดที่เป็นอยู่จางหายไป และสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่ต้องคอยกังวลว่าปัสสาวะเล็ดจะทำให้คุณต้องทุกข์ใจอีกต่อไปแล้ว