ถุงยางอนามัย ใช้ไม่ถูกวิธี…เสี่ยงท้อง

หนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดที่ค่อนข้างที่จะได้ผลดี ก็คือ การสวมใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งถือเป็นวิธีการเบื้องต้นในการคุมกำเนิด และป้องกันการติดต่อโรคทางเพศสัมพันธ์ แต่สิ่งต่างๆเหล่านี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อการใช้ถุงยางอนามัยนั้นถูกต้อง สวมใส่ด้วยวิธีที่ถูกต้อง รวมไปถึงทราบข้อควรรู้ต่างๆ เช่น การเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะสม การสวมใส่และถอดถุงยางอนามัย ซึ่งสิ่วเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกๆคนควรจะรู้เอาไว้บ้าง

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการที่เหมาะสมและถูกต้องในการใช้ถุงยางอนามัยในรูปแบบต่างๆ ทั้งการเลือกซื้อ การสวมใส่ การถอด และข้อควรระวังพิเศษที่คุณควรรู้ ดังต่อไปนี้ค่ะ

1 เลือกซื้อถุงยางอนามัยอย่างไร

ถุงยางอนามัยที่มีขายในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งขนาด ผิวสัมผัส ความหนา รวมไปถึงฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการร่วมรักของคุณกับคู่นอน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง

โดยหากเป็นเรื่องของขนาดของถุงยางอนามัย จะมีให้เลือกตั้งแต่ความกว้างตั้งแต่ 44 ถึง 56 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นความยาวของเส้นรอบวงของอวัยวะเพศชาย ทั้งนี้ ่ในประเทศไทยจะมีวางขายอยู่ 3 ขนาดคือ 49 52 และ 56 มิลลิเมตร ซึ่งหากเลือกแบบที่หลวมเกินไป อาจจะทำให้ถุงยางเลื่อนหลุดได้

ในส่วนของผิวสัมผัสของถุงยางอนามัย ก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบเรียบ แบบขรุขระ และแบบปุ่ม ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ตามความชอบของแต่ละบุคคล ผิวสัมผัสที่แตกต่างกันนี้ย่อมมีผลต่อความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปในขณะการร่วมเพศ

2 วิธีการใส่ถุงยางอนามัย

หลังจากเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว การสวมใส่ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมากๆ โดยมีข้อแนะนำดังต่อไปนี้

1 ตรวจเช็ควันหมดอายุของถุงยางอนามัย

สิ่งของสิ่งนี้ก็เปรียบเสมือนกับสิ่งของอื่นๆที่ย่อมมีวันผลิตและวันหมดอายุ ซึ่งหากใช้สินค้าที่หมดอายุก็ย่อมมีความเสี่ยงหรือทำให้การป้องกันลดลง ดังนั้น คุณจึงควรที่จะตรวจสอบวันหมดอายุของมันก่อนที่จะหยิบมาใช้ ซึ่งโดยปกติแล้วถุงยางอนามัยจะมีอายุประมาณ 3-5 ปี และควรเก็บไม่ให้โดนแสงแดดจัด เพราะแสงแดดจะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพและเสี่ยงต่อการขาดเรือรั่วได้

2 แกะถุงยางอนามัยจากซอง

ขั้นตอนนี้สำคัญมากๆและต้องทำความระมัดระวังเป็นพิเศษ การแกะถุงยางอนามัยออกจากซองควรจะใช้มือฉีก ไม่ควรจะใช้ปากหรือของมีคมในการตัดถุงโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรอยรั่วที่ถุงยางอนามัยได้

3 ใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกต้อง

ก่อนที่จะเริ่มใส่ถุงยางอนามัย ให้คุณดึงปลายกระเปาะให้ตั้งขึ้น และสังเกตให้รอยม้วนของขอบถุงยางอนามัยหันออกด้านนอก จากนั้น จึงวางถุงยางอนามัยลงที่อวัยวะเพศชายที่แข็งตัวเต็มที่ บีบตรงปลายกระเปาะเพื่อไล่อากาศออกจากถุงยาง แล้วจึงใช้มืออีกข้างหนึ่งค่อยๆรูดขอบถุงยางอนามัยให้ม้วนลงมาจนสุดความยาวของอวัยวะเพศชาย

4 ถอดถุงยางอนามัยก็สำคัญ

หลังจากกิจกรรมทางเพศเสร็จสิ้นแล้ว คุณผู้ชายจะต้องถอดถุงยางอนามัยออกก่อนที่อวัยวะเพศจะหดตัว โดยวิธีการถอดจะเริ่มจากการจับตรงโคนอวัยวะเพศให้แน่น แล้วรีบนำออกมาจากช่องคลอดเพื่อลดความเสี่ยงที่น้ำอสุจิจะรั่วไหลออกมา โดยต้องรอให้อวัยวะเพศอ่อนตัวลงก่อนเล็กน้อยแล้วจึงจับตรงขอบของถุงยางให้แน่น ก่อนที่จะรูดถุงยางอนามัยจนหลุดออกมาจากอวัยวะเพศ จากนั้น จึงรูดถุงยางอนามัยให้น้ำอสุจิลงไปกองอยู่ตรงปลายกระเปาะถุงยาง เพื่อเป็นการตรวจเช็ครอบสุดท้ายว่าไม่มีการเกิดรอยรั่วในขณะการทำกิจกรรม ตามด้วยการมัดถุงยางและทิ้งลงไปในถังขยะ หากเป็นไปได้ควรที่จะแยกทิ้งในถังขยะติดเชื้อเพื่อความสะอาดและปลอดภัย

นอกจากนี้ ยังมีข้อควรระวังที่คุณควรจะรู้หากจำเป็นจะต้องมีการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งหากคุณทำผิดพลาดบางประการอาจจะทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ได้้ สิ่งที่คุณควรจะรู้ เช่น

1 ห้ามใช้น้ำมันหรือโลชั่นทุกชนิดแทนการใช้เจลหล่อลื่น แม้ว่าคุณตะคิดว่ามีคุณสมบัติไม่แตกต่างกันก็ตาม เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้ถุงยางอนามัยขาดรั่วได้

2 ตลอดการมีเพศสัมพันธ์ห้ามถอดถุงยางอนามัยออกระหว่างทาง และอย่าใส่ถุงยางอนามัยช้าเกินไปในช่วงใกล้ที่จะเสร็จกิจกรรมด้วยเช่นกัน

3 การใส่ถุงยางอนามัยในช่วงเวลาที่เหมาะสมควรจะใส่ตอนที่อวัยวะเพศแข็งตัวแล้วเท่านั้น

สุดท้ายแล้วแม้ว่าคุณจะสวมใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ก็ยังมีโอกาสที่อาจจะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้อยู่ดี แม้จะใช้อย่างถูกต้องก็ตาม ดังนั้น หากคุณต้องการที่จะคุมกำเนิดให้แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ควรที่จะเลือกใช้วิธีการอื่น เช่น การฝังยาคุมกำเนิด การทำหมัน การกินยาคุมกำเนิด เป็นต้น จะค่อนข้างมั่นใจมากกว่า

เพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเราจนเกินไป แต่มันใกล้กว่าที่เราคิดเยอะ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ควรที่จะเรียนรู้ถึงวิธีการในการใส่ถุงยางหรือใช้ถุงยางอนามัยนี้เอาไว้บ้าง เพราะยิ่งเราสามารถใช้งานมันได้อย่างถูกต้องมากเท่าไหร่ เปอร์เซ็นต์ในการป้องกันการตั้งครรภ์และการป้องกันการติดโรคก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น