การดูแลสุขภาพ, บทความน่ารู้, บทความสุขภาพ, สุขภาพ, สุขภาพดี, สุขภาพน่ารู้

ฟอกสีฟันสำคัญแค่ไหน

ฟอกสีฟันสำคัญแค่ไหน

 

การมีฟันที่ขาวช่วยส่งเสริมรอยยิ้มให้มีความมั่นใจมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง…ใครหลายๆคนจึงพยายามที่จะรักษาความขาวของฟันเอาไว้ให้ได้นานมากที่สุด แต่เนื่องด้วยอาหารบางอย่างหรือพฤติกรรมบางประการ อาจจะมีผลสำคัญที่ทำให้ฟันของคุณสีคล้ำลงหรือมีสีเหลืองที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งย่อมเป็นสิ่งที่คุณไม่ต้องการ หรืออาจจะทำให้บุคลิกภาพของคนนั้นหรือแย่ลงกว่าเดิม

ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฟอกสีฟัน เพื่อทำให้ฟันที่เคยหมองคล้ำกลับมาขาวใสได้เหมือนเดิม การฟอกสีฟันในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่จะทำให้สีฟันของคุณสามารถกลับมาขาวได้ดังเดิม ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการใช้น้ำยาฟอกสีฟัน และมีการกระตุ้นการแตกตัวของน้ำยาฟอกสีฟันโดยการใช้แสง Cool light led หรือแสงเลเซอร์

ฟอกสีฟันสำคัญแค่ไหน. — ภาพจาก : https://www.pexels.com/photo/woman-smiling-1102341/

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สีฟันของคุณจะสามารถกลับมาขาวได้ดังเดิมหรือไม่ หรือขาวขึ้นมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ 2 ปัจจัย ได้แก่

1 ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยจากการใช้ชีวิต ทั้งการรับประทานอาหาร การดื่มเครื่องดื่ม หรือการสูบบุหรี่ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสีฟัน

2 ปัจจัยภายใน คือ ปัจจัยที่มีการสะสมของสารสีในเนื้อฟัน ซึ่งจะส่งผลให้ฟันมีสีขาวหรือไม่ขาว

กระบวนการในการฟอกสีให้ฟันขาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ ซึ่งทันตแพทย์จะใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง และมีการฉายแสง Cool light led หรือแสงเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันเกิดการแตกตัวออกเป็นออกซิเจน เพื่อให้สารเข้าไปแทรกซึมผ่านชั้นผิวเคลือบฟัน และเข้าไปขจัดเม็ดสีที่อยู่ในเนื้อฟัน โดยเฉพาะเม็ดสีเหลืองที่เป็นตัวการสำคัญของความหมองคล้ำ จึงเป็นผลทำให้ฟันมีความขาวขึ้นโดยไม่เป็นการทำลายชั้นผิวเคลือบฟันนั่นเอง

การฟอกสีฟันมีความเหมาะสมกับคนที่มีปัญหาเรื่องสีของฟัน ทั้งฟันเหลือง ฟันดำ หรือฟันคล้ำ เพื่อเปลี่ยนรอยยิ้มให้สดใสมากขึ้น ซึ่งบุคคลกลุ่มที่จำเป็นจะต้องฟอกสีฟันมักจะเป็นคนที่อยู่ในวัยทำงาน ที่มักจะมีอาชีพที่ต้องมีการพูดคุย ติดต่อประสานงาน หรือจำเป็นต้องใช้รอยยิ้มในการทำงาน รวมไปถึงกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมที่ทำร้ายสีฟัน ไม่ว่าจะเป็น การดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่จัด หรือการรับประทานยาปฏิชีวนะบางตัว

การฟอกสีฟันสามารถทำให้ฟันขาวได้จริง ซึ่งผลลัพธ์ในการฟอกสีฟันจะอยู่กับคุณประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับระดับสีของฟัน น้ำยาที่ใช้ และการดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล รวมไปถึงพฤติกรรมในการรับประทานอาหารและสูบบุหรี่ ซึ่งจะมีผลอย่างยิ่งที่จะทำให้การฟอกสีฟันนั้นมีความคงทนต่อเนื่องหรือไม่

ฟอกสีฟันสำคัญแค่ไหน. — ภาพจาก : https://www.pexels.com/photo/woman-in-yellow-button-up-top-790744/

รูปแบบของการฟอกสีฟันสามารถแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบหลักๆ ได้แก่

1 การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light จะเป็นการใช้แสง LED ฉายลงบนฟันที่ทาน้ำยาฟอกสีฟันเอาไว้ แสง LED จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน เพื่อทำให้เม็ดสีหนาทึบของฟันแตกตัว จนเป็นผลให้ฟันดูขาวกระจ่างมากขึ้น

2 การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ จะเป็นการใช้แสงเลเซอร์ชนิดไดโอดเข้าไปกระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันแตกตัว เพื่อแทรกซึมเข้าไปในผิวฟันได้ดีมากยิ่งขึ้น และช่วยขจัดคราบและเม็ดสีบนผิวฟันได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลที่ดี

3 การฟอกสีฟันแบบ Zoom จะเป็นการใช้แสงสีฟ้าชนิดเข้มข้นเพื่อกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ทำให้สารในน้ำยาฟอกสีฟันแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวฟัน เพื่อกำจัดคราบหรือเม็ดสีบนเนื้อฟัน โดยไม่เป็นการทำลายโครงสร้างของฟัน

หลังจากฟอกสีฟันแล้ว บางคนอาจมีอาการเสียวฟัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด เพราะเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้บ้าง ทั้งนี้ ปัจจุบันเทคโนโลยีการฟอกสีฟันมีการพัฒนาไปอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดอาการเสียวฟันน้อยลง หรือถ้ามีอาการเกิดขึ้น การเสียวฟันก็จะหายไปเองภายใน 48 ชั่วโมง

หลังจากฟอกสีฟันเรียบร้อยแล้ว ก็ใช่ว่าคุณจะรับประทานอะไรก็ได้ตามใจ เพราะอาหารที่รับประทานมีผลอย่างยิ่งต่อสีฟัน โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังการฟอกสีฟัน ดังนั้น ทันตแพทย์จึงแนะนำวิธีการดูแลรักษาฟันอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกินและเครื่องดื่มในช่วง 48-72 ชั่วโมงหลังการฟอกสีฟัน ทั้งนี้ ก็เพื่อให้คุณมีฟันขาวสดใสไปได้อย่างยาวนานที่สุดนั่นเอง

โดยอาหารหรือเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงคือกลุ่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ น้ำอัดลม ชา ไวน์ เพราะจะทำให้สีฟันค่อย ๆ เข้มขึ้น หรือหากจำเป็นต้องดื่มก็ควรบ้วนปากหลังดื่มเสร็จทุกครั้ง และไม่ลืมการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้องและเป็นประจำ จะช่วยให้เศษอาหารและคราบจากเครื่องดื่มติดบนผิวฟันได้ยากมากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับบุคคลที่ควรที่จะหลีกเลี่ยงการฟอกสีฟัน ก็อาจจะเป็นกลุ่มคนที่กำลังอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คนที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี รวมถึงคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือก การเสียวฟัน ฟันผุ หรือมีปัญหาภายในช่องปาก ซึ่งจำเป็นจะต้องรักษาปัญหาที่มีอยู่ให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการฟอกสีฟัน

ทั้งนี้ คุณจะเลือกฟอกสีฟันประเภทไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม สาเหตุ รวมไปถึงระดับความเข้มของสีฟันของแต่ละบุคคล ซึ่งทางที่ดีที่สุดที่จะตัดสินใจได้ว่าควรที่จะใช้วิธีการใด ก็คือ การเข้าไปพบทันตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา เพื่อจะได้รับวิธีการในการดูแลสีฟันที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับตัวคุณเอง

User Review
0 (0 votes)

Enjoy this blog? Please spread the word :)

Exit mobile version