การดูแลสุขภาพ, บทความน่ารู้, บทความสุขภาพ, สุขภาพ, สุขภาพดี, สุขภาพน่ารู้

ตรวจ MRI น่ากลัวไหมนะ

ตรวจ MRI น่ากลัวไหมนะ

 

การเข้ารับการตรวจสภาพร่างกายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องพบเจอ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มมีอาการ หรือความผิดปกติบางอย่าง การที่เราเข้าไปพบแพทย์ และได้รับการวินิจฉัยด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีให้สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายได้ ย่อมจะช่วยให้แพทย์สามารถตัดสินใจหาวิธีการในการรักษาที่เหมาะสมกับโรคแต่ละโรคได้มากที่สุด

เทคนิคการแพทย์ได้รับการพัฒนาขึ้นในทุกๆวัน ทำให้การเข้าถึงโรคร้ายที่เคยตรวจสอบได้ยากในอดีต กลายเป็นการค้นพบที่แสนง่ายดายในปัจจุบัน ยิ่งเครื่องมือมีราคาแพงเท่าไหร่ ยิ่งสามารถการรันตีความแม่นยำและความถูกต้องได้มากขึ้นเท่านั้น

ตรวจ MRI น่ากลัวไหมนะ. — ภาพจาก : https://www.pexels.com/photo/people-men-technology-room-7089617/

Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI เป็นเครื่องมือที่มีไว้เพื่อช่วยตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย โดยใช้หลักการของเครื่องสนามแม่เหล็กและคลื่นความถี่วิทยุ ในการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูง เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็น ในขณะที่ รังสีจากการเอกซเรย์ไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้ป่วยแต่อย่างใด

เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นจึงทำให้การทำงานของเครื่อง MRI มีความสลับซับซ้อนมากกว่าเครื่องมือชนิดอื่นๆ โดยเครื่อง MRI จะประกอบไปด้วยแม่เหล็กที่มีไฮโดรเจนอะตอม เมื่อร่างกายเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ท่ามกลางสนามแม่เหล็ก ร่างกายที่มีโมเลกุลของน้ำจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง โดยเครื่อง MRI จะส่งสัญญาณวิทยุเข้าไปเพื่อกระตุ้นอวัยวะส่วนต่างๆ ทำให้เกิดการสั่นแบบเรโซแนนซ์ (Resonance) ตามหลักการของฟิสิกส์ เมื่อเครื่องหยุดการส่งสัญญาณ ร่างกายก็จะปล่อยไฮโดรเจนอะตอมเข้าสู่อุปกรณ์รับสัญญาณ แล้วประมวลผลออกมาเป็นสัญญาณภาพบนจอ เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติที่ตรวจพบในร่างกาย

ทั้งนี้ เราพบว่าเครื่อง MRI สามารถตรวจวินิจฉัยส่วนต่างๆของร่างกายได้หลากหลายส่วน โดยเฉพาะส่วนของสมอง ช่องท้อง หรือกระดูกสันหลัง จึงสามารถนำมาใช้ตรวจสอบบุคคลได้ทุกเพศทุกวัย โดยสามารถอธิบายถึงรูปแบบการตรวจสอบได้ ดังนี้

1 การตรวจสมอง

สามารถใช้ตรวจในผู้ป่วยทั้งที่มีอาการทางสมองหรือไม่มีอาการทางสมองก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น การตรวจเนื้องอก เส้นเลือดสมองตีบ ความจำเสื่อม การเห็นภาพซ้อน อาการปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น ความผิดปกติต่างๆเหล่านี้็สามารถใช้ MRI ในการตรวจวิเคราะห์ความผิดปกติได้ทั้งสิ้น

2 การตรวจช่องท้องและกระดูกเชิงกราน

การตรวจบริเวณนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ หรือบุคคลที่ต้องการตรวจหาเนื้องอก มะเร็งตับ ความผิดปกติของมดลูก ความผิดปกติของต่อมลูกหมาก หรือการตรวจนิ่ว

3 การตรวจกระดูก

หากคุณมักจะมีอาการปวดหลัง แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถอั้นปัสสาวะและอุจจาระได้ รวมไปถึงคนที่ประสบอุบัติเหตุและมีปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูก สามารถใช้ MRI ในการตรวจวิเคราะห์กระดูกสันหลัง เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องต่อไปได้

4 การตรวจกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อ

MRI สามารถวิเคราะห์ได้ถึงการฉีกขาดของอวัยวะภายใน ทั้งในส่วนของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่แพทย์ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก

5 การตรวจเส้นเลือด

คุณอาจจะไม่สามารถมองเห็นความผิดปกติของเส้นเลือดได้ด้วยการมองด้วยตาเปล่า แต่ MRI จะสามารถตอบคำถามความผิดปกติของเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดงได้เป็นอย่างดี และทำให้คุณสามารถเห็นความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดทั่วทั้งร่างกายได้

ตรวจ MRI น่ากลัวไหมนะ. — ภาพจาก : https://www.pexels.com/photo/girl-lying-on-white-bed-3881429/

ใครที่กำลังจะเข้าตรวจ MRI อาจจะมีความกังวลถึงวิธีการในการตรวจ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้มีความน่ากลัวมากมาย โดยเจ้าหน้าที่จะให้เรานอนบนเตียง และมีแถบรัดเพื่อป้องกันการขยับตัว จากนั้นจะมีการติดเครื่องตรวจวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้าที่ด้านซ้ายของหน้าอก และติดเครื่องวัดการหายใจไว้ที่หน้าท้อง โดยระหว่างการตรวจเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ผู้ป่วยกั้นหายใจเป็นระยะๆ ไม่เกินครั้งละ 20 วินาที เพื่อทำให้การตรวจเป็นไปได้อย่างแม่นยำมากที่สุด โดยตลอดระยะเวลาการตรวจจะใช้เวลาอยู่ในช่วง 45 นาทีถึง 3 ชั่วโมง แล้วแต่กรณีความเจ็บป่วย

ทั้งนี้ หากใช้ MRIตรวจความผิดปกติที่ช่องท้องหรือกระดูกเชิงกราน ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง แต่หากเป็นการตรวจ MRI ในส่วนอื่นๆไม่จำเป็นต้องอดอาหารหรือน้ำ

ในส่วนของผู้ป่วยที่เป็นโรคกลัวที่แคบ แพทย์อาจจะวินิจฉัยให้มีการวางยาสลบหรือการให้ยาคลายเครียดก่อนได้รับการตรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดความวิตกกังวลมากจนเกินไป และทำให้เกิดความผ่อนคลายมากที่สุด หรือบางกรณีแพทย์อาจจะอนุญาตให้มีการพาญาติเข้าไปอยู่ด้วยได้

อย่างที่กล่าวมาว่า MRI ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการวิเคราะห์ความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจนี้ค่อนข้างมีราคาแพง และต้องใช้ระยะเวลานานในการตรวจ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการได้รับรู้ถึงความผิดปกติของร่างกายแบบเจาะลึกลงไป และเป็นรายละเอียดที่ไม่สามารถพบเจอได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งถือว่ามีความสำคัญแบบที่ไม่ควรจะมองข้ามจุดนี้ไปเลย

เทคโนโลยี MRI เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งต่อการตรวจวินิจฉัยของแพทย์ในยุคปัจจุบัน ทำให้การทำงานของแพทย์ง่ายขึ้น และทำให้การค้นพบความผิดปกติในร่างกายเป็นไปได้อย่างรวดเร็วกว่าแต่ก่อน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังจะเข้ารับการตรวจด้วยวิธีดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องเครียดหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะรับรองว่าวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถหายป่วยได้รวดเร็วขึ้นกว่าวิธีการตรวจแบบดั้งเดิมอย่างแน่นอน

User Review
0 (0 votes)

Enjoy this blog? Please spread the word :)

Exit mobile version