น้ำอัดลมสร้างโรค

 

ในช่วงเวลาที่อากาศร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลไคลย้อย เสียเหงื่อมาก คนเราก็ย่อมต้องการจะเติมพลังงานกลับเข้าไปในร่างกาย ซึ่งเครื่องดื่มที่ผู้คนนิยมจะเลือกรับประทานกันก็คงจะเป็นเครื่องดื่มที่สามารถเติมพลังงานได้แบบทันทีทันใด ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น และสามารถที่จะทำให้พวกเขากลับมามีพลังงานในการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ เครื่องดื่มยอดนิยมตลอดกาลก็คงหนีไม่พ้นเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม เพราะนอกจากความอร่อยและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว เครื่องดื่มชนิดนี้ยังหาซื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นท้องตลาดหรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป

แต่ต้องไม่ลืมว่า…ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มประเภทนี้จะมีข้อดีมากเท่าไหร่ มันก็ยังคงมีโทษเมื่อเรารับประทานมันมากจนเกินไป ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงโทษที่จะได้รับจากการ์ดื่มน้ำอัดลมที่มากเกินไป ร่างกายจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มาหาคำตอบกันได้เลย

1 น้ำหนักขึ้น

โดยส่วนใหญ่แล้ว น้ำอัดลมจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลหรือสารให้ความหวานที่ให้พลังงานสูงมาก โดยเฉลี่ยแล้วน้ำอัดลม 1 หน่วยบริโภคจะมีปริมาณน้ำตาลอยู่ 30 – 45 กรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำตาลที่เราควรบริโภคต่อวันอยู่ที่ไม่เกิน 24 กรัม ดังนั้น การที่เราดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมเพียงแค่ 1 กระป๋องหรือขวด ก็ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลที่เกินความจำเป็นต่อร่างกายแล้ว

เมื่อน้ำตาลที่เราได้รับมากเกินไปและใช้ไม่หมด น้ำตาลส่วนเกินก็จะเข้าไปสะสมในร่างกาย และก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมา ซึ่งส่งผลให้คนไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มของผู้ป่วยโรคอ้วนหรือเบาหวานที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ในปัจจุบันก็มีเครื่องดื่มน้ำอัดลมประเภทใหม่ที่ออกแบบมาแก้ปัญหาเรื่องน้ำตาล โดยเปลี่ยนไปใช้สารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงานซึ่งเหมาะกับคนที่ยังต้องการความซ่า แต่ไม่ต้องการได้รับพลังงานที่มากจนเกินไป เครื่องดื่มประเภทนี้สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาได้บางส่วน และถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่แนะนำให้คนที่มีน้ำหนักตัวมากหรือเป็นเบาหวานได้เลือกรับประทานหากคุณยังต้องการจะดื่มน้ำอัดลม

2 เป็นแผลในกระเพาะอาหาร

เนื่องมาจากน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่มีการอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลงไป เพื่อทำให้เครื่องดื่มมีความซ่าและสดชื่นกว่าการดื่มน้ำที่ไม่มีการอัดลม แต่ผลพลอยได้ของการอัดแก๊ส ก็คือ ‘ความเป็นกรด’ ที่มีความสามารถในการกัดกร่อนอวัยวะภายในร่างกายได้หลายๆส่วน โดยเฉพาะกระเพาะอาหารซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนแอ แต่ต้องทำงานอย่างหนักในการย่อยอาหารเกือบทุกอย่างในร่างกาย และการดื่มน้ำอัดลมจะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้น หากคุณเลือกดื่มตอนท้องว่าง หรือช่วงเวลาก่อนการรับประทานอาหาร

ทั้งนี้ ก็เพราะน้ำอัดลมมีค่าความเป็นกรดด่างค่อนข้างสูง มี pH อยู่ที่ 3-5 ซึ่งมีผลอย่างยิ่งสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหาร และอาจทำให้คนปกติที่รับประทานน้ำอัดลมมากเกินไปแบบต่อเนื่อง เกิดอาการเยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบได้

3 ฟันผุ

เนื่องด้วยปริมาณน้ำตาลที่มีอยู่ในเครื่องดื่มน้ำอัดลม ถือว่าเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียที่อยู่ในปาก ดังนั้น หากคุณดื่มน้ำอัดลมอยู่เสมอ และไม่มีการบ้วนปากหรือแปรงฟันหลังดื่ม แบคทีเรียก็จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับน้ำตาล และทำให้เกิดเป็นคราบหินปูน จนส่งผลกระทบต่อเหงื่อและเกิดอาการฟันผุได้ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังดูแลสุขภาพช่องปากของตัวเองได้ไม่ดีเพียงพอ ผู้ปกครองจำเป็นต้องใส่ใจ และดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

4 โรคกระดูกพรุน

การดื่มน้ำอัดลมสามารถส่งผลกระทบให้ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลงได้ เนื่องมาจากในน้ำอัดลมจะมีกรดฟอสฟอริก ซึ่งมีผลทำให้แคลเซียมในเลือดลดต่ำลง และยังจะไปยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมที่คุณได้รับจากการดื่มนม จนทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกได้ง่ายมากขึ้น และเป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนนั่นเอง

5 นอนไม่หลับ

เนื่องมาจากในเครื่องดื่มน้ำอัดลมจะมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีความสดชื่น แต่หากเราได้รับมากเกินไป ข้อเสียของคาเฟอีนก็ย่อมทำให้เกิดเป็นความตื่นตัวที่มากจนเกินไป ยิ่งคุณดื่มน้ำอัดลมในช่วงเวลาก่อนเข้านอน ก็จะยิ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นอนไม่หลับหรือนอนหลับยากกว่าเดิมได้ด้วย

ดังนั้น นอกเหนือจากการพยายามลดปริมาณการดื่มน้ำอัดลมแล้ว ยังต้องเลือกช่วงเวลาการดื่มให้เหมาะสมด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากจนเกินไป

6 โรคหัวใจและหลอดเลือด

เนื่องด้วยปริมาณน้ำตาลที่มีอยู่ในน้ำอัดลม สามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันและฮอร์โมนเลปติน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับผลที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การดื่มน้ำอัดลมมากๆจึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้สูงกว่าปกติ

สำหรับใครที่มักจะดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ ก็ต้องระมัดระวังทั้งในเรื่องของน้ำตาล คาเฟอีน และแคลอรี่ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดโทษต่างๆตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น อีกทั้ง น้ำอัดลมยังถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีคุณค่าทางสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีเพียงน้ำตาลที่ให้พลังงานเท่านั้น ดังนั้น หากไม่จำเป็นก็อย่าดื่มให้มากเกินไปเลย

ทางที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพที่ดีจึงเป็นการพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบของเครื่องดื่ม และเลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่านี้ รวมไปถึงการดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ก็เพียงพอที่จะเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องดื่มอื่นๆที่มีพลังงานสูงอีกต่อไป