ต่อมลูกหมาก เป็นหนึ่งอวัยวะสำคัญที่ใช้ในการสืบพันธุ์ของเพศชาย ซึ่งตามธรรมชาติแล้ว เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นขนาดของต่อมลูกหมากก็จะโตมากขึ้นด้วย โดยอาการเหล่านี้จะเห็นได้ชัดในผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งแต่ละคนก็จะมีอาการมากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่โอกาสและความรุนแรงเฉพาะบุคคล

ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักกับ “ต่อมลูกหมาก” กันก่อนดีกว่า อวัยวะส่วนนี้จะมีลักษณะเป็นก้อน ขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่มากนัก เทียบเคียงได้กับขนาดของลูกเกาลัด ตำแหน่งของต่อมลูกหมากจะตั้งล้อมรอบอยู่ที่บริเวณท่อปัสสาวะส่วนต้น หรือตั้งถัดจากกระเพาะปัสสาวะส่วนล่าง ซึ่งแม้จะเป็นอวัยวะที่ช่วยในการสืบพันธุ์ แต่ก็ไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้กับส่วนที่เป็นลูกอัณฑะแต่อย่างใด
อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นได้จากปัญหาการใช้ชีวิตแบบไม่เป็นระเบียบ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความวิตกกังวลระหว่างวันที่มากเกินไป เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไปมีผลกระทบต่อระบบปัสสาวะ ทำให้การปัสสาวะมีปัญหารือปัสสาวะได้ลำบากมากขึ้น ซึ่งอาการที่แสดงออกจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะมีอาการในลักษณะการปัสสาวะบ่อยตลอดวันทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อได้ปัสสาวะก็จะไม่สุด หรือรู้สึกเหมือนว่ายังมีปัสสาวะค้างอยู่ นอกจากนี้ อาจมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือบางครั้งอาจมีอาการปัสสาวะเล็ดและปัสสาวะราดเอาได้
ภาพจาก : http://women.thaiza.com
ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มอาการจะมีลักษณะที่ตรงข้ามกัน กล่าวคือ จะปัสสาวะได้ยาก เวลาจะปัสสาวะทีจะต้องเบ่ง หรือต้องรอสักครู่กว่าที่ปัสสาวะจะไหลออกมา และก็จะพบอาการปัสสาวะหยุดเป็นช่วงๆ รวมถึงอาการปัสสาวะไหลเป็นหยดๆในตอนท้ายของการปัสสาวะ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอาการกลุ่มใด ก็ล้วนส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความทรมานด้วยกันทั้งสิ้น
ได้ฟังอาการที่เกิดขึ้นกันไปแล้ว ชายหนุ่มหลายๆคนอาจจะเริ่มรู้สึกกังวลใจกันขึ้นมาแล้วว่า เมื่อตนเองแก่ตัวลงไปจะเกิดอาการเช่นนี้หรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อาการต่อมลูกหมากโตที่คุณผู้ชายอาจมีสิทธิพบเจออยู่นี้ ไม่ได้จัดเป็นโรคที่ร้ายแรงมากเท่าไรนัก เนื่องจาก เป็นความผิดปกติที่เกิดจากการเป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งร้าย แต่สำหรับใครที่เกิดโรคแทรกซ้อน ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการป่วยที่หนักมากขึ้น เช่น การติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ การอักเสบของทางเดินปัสสาวะ การเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และการเสื่อมการทำงานของไต ซึ่งหากผู้ป่วยเกิดอาการแทรกซ้อนเหล่านี้แล้วไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ก็จะส่งผลให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้อย่างมากเลยทีเดียว และอาจพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ด้วย
อย่างที่บอกเอาไว้ข้างต้นว่า อาการต่อมลูกหมากโตจะพบได้มากในกลุ่มชายที่เริ่มมีอายุเข้าสู่วัย 50 กะรัต ดังนั้น ท่านชายทุกท่านที่เริ่มรู้ตัวว่าตนเองนั้น เริ่มจะเข้าข่ายบุคคลในกลุ่มเสี่ยงแล้ว ก็อย่ามัวแต่นิ่งนอนใจไปนะคะ สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือ การเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อสำรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งการตรวจสอบว่าจะมีอาการนี้หรือไม่ จะต้องตรวจสอบทั้งวิธี ‘การเจาะเลือด’ และ ‘การตรวจทางทวารหนัก’ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าคุณจะปลอดภัยจากโรคเหล่านี้ได้ หรือหากพบความผิดปกติขึ้นมาจริงๆก็จะได้มีเวลาในการแก้ไข หรือป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามมากไปกว่าเดิม
แต่สำหรับใครที่รู้ตัวแล้วว่ากำลังป่วยเป็นโรคนี้อยู่ ก็จะต้องทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ซึ่งวิธีการรักษาก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงเฉพาะตัวบุคคล ดังต่อไปนี้
ผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มต้นมีอาการจะเน้นการรักษาแบบเฝ้าระวังไปก่อน โดยแพทย์จะแนะนำให้สังเกตอาการและปรับพฤติกรรมบางอย่างให้เหมาะสมมากขึ้น เช่น การลดดื่มน้ำในช่วงเวลาหลังอาหารเย็นและก่อนนอน การพยายามรับประทานใยอาหารมากๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดท้องผูก การหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชากาแฟ รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงยาลดน้ำมูกบางตัวที่มีผลต่อการปัสสาวะ เป็นต้น
สำหรับผู้ป่วยในระยะถัดมาที่แน่ใจว่ามีอาการของต่อมลูกหมากโตแน่แล้วแต่อาการยังไม่มากนัก จะเริ่มใช้ยาในการรักษาอาการ ซึ่งยาที่ใช้จะมี 2 กลุ่มหลัก คือ ‘ยากลุ่มต้านอัลฟ่า’ ที่จะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อรอบต่อมลูกหมาก ทำให้ท่อปัสสาวะที่ตีบแคบขยายกว้างขึ้น และส่งผลให้สามารถปัสสาวะได้สะดวกขึ้น ส่วนยาอีกกลุ่มหนึ่งมีชื่อว่า ‘ยากลุ่มต่อต้านเอนไซม์’ ที่มีผลต่อการยับยั้งการโตของต่อมลูกหมาก ซึ่งการรักษาด้วยยากลุ่มนี้จะมีผลให้ต่อมลูกหมากมีขนาดเล็กลงหากใช้ต่อเนื่องยาวนาน 6 เดือนขึ้นไป
ส่วนวิธีสุดท้ายที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ ก็คือ การผ่าตัดต่อมลูกหมากโดยการใช้กล้องผ่านเข้าไปทางท่อปัสสาวะ แต่ผู้ป่วยที่จะรักษาด้วยวิธีนี้ได้จะต้องมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น ปัสสาวะไม่ออกจนต้องใส่สายสวนปัสสาวะ มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะหลายครั้ง หรือมีภาวะไตเสื่อมเนื่องจากการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น แพทย์จึงจะใช้วิธีนี้ในการรักษา
สุดท้ายนี้ ยังไม่มีรายงานทางการแพทย์ที่บ่งขี้ว่า การมีเพศสัมพันธ์จะมีผลต่อการเกิดภาวะต่อมลูกหมากโตแต่อย่างใด แต่หากเริ่มรู้สึกถึงอาการผิดปรกติเมื่อใด ก็ควรรีบไปพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องได้อย่างทันเวลา