ผักชีฝรั่ง เป็นอีกหนึ่งพืชผักสวนครัวที่นิยมปลูกเพื่อบริโภค แม้จะมีชื่อว่า ‘ผักชี’ แต่ก็มีคำตามท้ายว่า ‘ฝรั่ง’ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงถิ่นกำเนิดที่แตกต่างออกไปจากผักชีธรรมดา วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้กันให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม จะได้ทราบถึงข้อดีหรือข้อควรระวังหากต้องการจะบริโภคผักชนิดนี้ให้ได้ประโยชน์สูงที่สุด
ผักชีฝรั่งเป็นพืชล้มลุกที่อยู่ในวงศ์เดียวกับผักชี แต่เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้และประเทศเม็กซิโก ผักชนิดนี้ถูกนำมาเผยแพร่ในประเทศไทยจนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย จนทำให้หลายต่อหลายคนถึงกับตกหลุมรักในพืชต่างแดนชนิดนี้ แต่ทราบหรือไม่ค่ะว่าผักชนิดนี้มีดีอย่างไร และมีโทษแอบแฝงบ้างหรือป่าว มาหาคำตอบไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
เริ่มต้นจากการทำความรู้จักหน้าตาของผักชีฝรั่งกันก่อนดีกว่า ผักชนิดนี้เป็นพืชล้มลุกที่มีต้นเตี้ยติดดิน ความสูงจึงไม่มากนัก ส่วนใหญ่ลำต้นจะสูงไม่เกิน 20 เซนติเมตร ใบผักชีฝรั่งเป็นใบเดี่ยวโดยจะออกเรียงแบบกระจุกรอบโคนต้นที่พื้น ลักษณะของแผ่นใบจะเป็นรูปใบหอกกลับที่มีความมนที่ปลายใบ ยาวและรี ความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร ขอบใบหยักเป็นซี่ฟันแบบฟันเลื่อย ฐานใบแผ่แบน และไม่มีก้านใบ
ผักชีฝรั่งก็มีดอกเช่นกันนะ โดยดอกของพืชชนิดนี้จะออกเป็นช่อแบบกระจุกแน่น ลักษณะดอกมีสีขาวอมเขียวอยู่บนก้านดอกเดี่ยวยาว ใบประดับของช่อดอกจะเป็นใบขนาดเล็กเรียงซ้อนกัน 5-8 ใบ มีกลีบเลี้ยงสีเขียว ส่วนภายในดอกจะมีเกสรเพศผู้ชูช่อยาวขึ้นมาเหนือกลีบดอก โดยก้านดอกชูนี้มีความยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร
หากใครที่เคยมีโอกาสได้รับประทานผักชนิดนี้แล้ว ก็จะทราบดีว่าผักชีฝรั่งเป็นผักที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่โดดเด่นและแตกต่างจากผักชนิดอื่นๆ นอกจากมีดีที่กลิ่นแล้ว ยังพบว่าผักชีฝรั่งยังมีดีที่ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการของผักชีฝรั่งนั้นก็มีมากมายหลายประการ เพราะหากเจาะลึกลงไปแล้วก็จะพบว่าสมุนไพรชนิดนี้อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ไนอาซิน น้ำมันหอมระเหย กรดโฟลิก และเมือก (mucilage) แถมยังพ่วงท้ายด้วยคุณสมบัติอันแสนวิเศษในการป้องกันโรคด้วย ซึ่งจากผลวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ก็ได้มีการค้นพบและระบุว่า “สารอพิเจนิน” ซึ่งเป็นสารประกอบที่พบได้ในผักชีฝรั่งสามารถหยุดยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมบางชนิดที่เติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นได้ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก “สารอพิเจนิน” จะมีฤทธิ์ไปขัดขวางไม่ให้มีเส้นเลือดออกไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ซึ่งถ้าหากเซลล์มะเร็งที่เติบโตอยู่ในร่างกายไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยง ก็ย่อมส่งผลให้ช่วยลดปริมาณของเนื้อร้ายที่เติบโตภายในเต้านมของท่านผู้หญิงทั้งหลายได้ ดังนั้นคุณผู้หญิงท่านใดที่เข้าข่ายว่าจะเป็นมะเร็งหรือกำลังเป็นมะเร็งเต้านมอยู่ ก็ลองหันมารับประทานผักชีฝรั่งกันดูนะคะ เผื่อจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยยับยั้งเจ้ามะเร็งร้ายเหล่านี้ได้
นอกเหนือจากประโยชน์ด้านการต้านมะเร็งแล้ว ผักชีฝรั่งยังมีดีอีกหลายประการ ดังต่อไปนี้
รากผักชีฝรั่งสามารถใช้ในการแก้น้ำเหลืองเสีย แก้ฝี รักษาแผลพุพอง แก้เลือดกำเดาไหล กระตุ้นร่างกาย ขับเหงื่อ แก้ไข้ หรือขับปัสสาวะได้ ใบผักชีฝรั่งก็มีส่วนช่วยในการชะลอการเสื่อมของเซลล์ บำรุงกระดูกและฟัน รักษาสมดุลในร่างกาย กระตุ้นร่างกาย แก้ไข้ แก้อาการหวัด ระบายท้อง แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ รักษาผดผื่นคัน รักษาแผลเรื้อรัง ส่วนลำต้นผักชีฝรั่งก็มีประโยชน์ไม่น้อยหน้ากันเลย เพราะหากนำมารับประทานบ่อยๆก็จะช่วยในการลดระดับความดันโลหิต บำรุงผิวพรรณ บำรุงเส้นผมและเล็บ บรรเทาอาการปวดศีรษะ แก้ไข้มาลาเรีย ขับลม ยาถ่าย แก้อาการอาหารเป็นพิษ ฆ่าเชื้อโรค แก้พิษงู แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย และแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ ส่วนวิธีการใช้ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นการรับประทานใบหรือลำต้นกันสดๆ ส่วนรากจะใช้วิธีต้มในน้ำเดือด แล้วดื่มรับประทาน หรือหากใช้เป็นยาภายนอก ก็จะนำมาตำแล้วพอกบริเวณผิวหนังที่เป็นแผล

ภาพจาก : http://www.onlines-product.com
มีข้อดีไปแล้วก็ต้องมีข้อเสียด้วยเป็นของคู่กัน เพราะในผักชีฝรั่งนี้มีส่วนประกอบที่เรียกว่า “กรดออซาลิก (Oxalic acid)” ในปริมาณที่สูงมาก ซึ่งหากท่านผู้ใดรับประทานผักชนิดนี้ในปริมาณที่บ่อยมากเกินไป ก็จะไปมีผลทำให้เกิดโรคนิ่วในไตและในกระเพาะปัสสาวะได้ ดังนั้นจึงควรควบคุมปริมาณในการบริโภคให้เหมาะสม ไม่ควรที่จะบริโภคในปริมาณมากเกินไป หรือรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ เพราะแทนที่จะได้ผลดี อาจจะกลับกลายเป็นผลร้ายโดยที่คุณไม่ได้ทันตั้งตัวก็เป็นได้
จะเห็นได้ว่า พืชผักสมุนไพรที่คุณรับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ ย่อมมีประโยชน์ทั้งดีและร้ายแฝงอยู่ การที่เรามีความรู้มากกว่า ก็จะเป็นการช่วยให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้อย่างปลอดภัยตามไปด้วย ดังนั้น ก่อนจะเลือกรักษาโรคด้วยสมุนไพรใดๆก็ตาม จะต้องศึกษาข้อมูลทั้งสองด้าน เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบและตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากที่สุด