หุ่นสวย ผอมเพรียว ถือเป็นค่านิยมของหญิงไทยในปัจจุบัน ยิ่งดูมีทรวดทรงองค์เอวมากเท่าไร ยิ่งดูดีมากยิ่งขึ้นในสายตาของคนรอบข้าง ดังนั้น กระแสการออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงกลายเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งความพยายามทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อวัตถุประสงค์เดียวที่สาวๆต้องการ นั่นก็คือ การกำจัด “เซลลูไลท์ (cellulite)” ออกไปให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
ในสายตาคุณ การจะพิจารณาว่ารูปร่างของใครสักคนว่าจะดีหรือได้สัดส่วนมากเท่าไรนั้น มีเกณฑ์ในการตัดสินอย่างไร? หากเกณฑ์การตัดสินของคุณไม่ใช่แค่เพียงน้ำหนักที่สมส่วนกับรูปร่างเพียงเท่านั้น แต่หมายถึงปริมาณไขมันหรือเซลลูไลท์ที่สะสมพอกพูนอยู่ตามอวัยวะต่างๆด้วย ก็คงต้องถึงเวลาที่จะต้องกำจัดมันออกไปได้แล้วละ

เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจและรู้จักกับเซลลูไลท์กันก่อนดีกว่า สิ่งที่คนทั่วไปเรียกมันว่าเซลลูไลท์ ความจริงแล้วก็คือ เซลล์ไขมันที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวหนัง เมื่อคนเรากินมากขึ้น เซลล์ไขมันเหล่านี้ก็จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็จะส่งผลให้ผิวหนังที่คลุมอยู่ด้านบนถูกดันให้นูนขึ้น จนก่อให้เกิดผิวที่มีลักษณะเป็นคลื่นตะปุ่มตะป่ำคล้ายผิวเปลือกส้ม ในความเป็นจริงแล้ว เซลลูไลท์ไม่ได้พบแต่เพียงเฉพาะในคนอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถพบได้ในคนที่ไม่อ้วนแต่ขาดการออกกำลังกายจนเกิดการสะสมของไขมันเฉพาะส่วนได้ด้วย ดังจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะพบเซลลูไลท์ได้มากทั้งบริเวณต้นขาและสะโพก อย่างไรก็ตาม เซลลูไลท์เหล่านี้ไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียทางสุขภาพแต่อย่างใด เว้นแต่เพียงเรื่องของความสวยความงามก็เท่านั้นเอง
หลายคงอาจมีข้อสงสัยว่า “ทำไมคนเราถึงมีเซลลูไลท์ไม่เท่ากัน หรือเกิดมีเซลลูไลท์ในบริเวณที่แตกต่างกัน” ซึ่งเหตุผลและคำตอบเหล่านี้ก็คือ ตามธรรมชาติของคนเราแล้ว ภายใต้ผิวหนังที่ปกคลุมอยู่ทั่วร่างกายจะมีเซลล์ไขมันเรียงกันเป็นกลุ่มก้อน โดยมีเส้นใยเนื้อเยื่อคอยเกี่ยวพันและหุ้มล้อมรอบอีกที ทีนี้เมื่อเรารับประทานอาหารจำพวกไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เซลล์ไขมันเหล่านี้ก็จะเกิดการพองตัวและขยายตัวขึ้น ซึ่งเซลล์ไขมันเหล่านี้สามารถขยายตัวได้มากกว่าขนาดปกติถึง 3 เท่าเลยทีเดียว และเมื่อก้อนไขมันเหล่านี้ขยายปริมาตรขึ้น ก็จะส่งผลให้เนื้อเยื่อไขมันถูกดันตัวออกไปโดยรอบ ในขณะที่เส้นใยที่ขึงอยู่นั้นไม่ยืดตามไปด้วย ทำให้เกิดอาการรัดตึงจนเห็นริ้วคลื่นบนผิวหนังในที่สุด ดังนั้น การที่คนเรามีองค์ประกอบของไขมันและความหนาบางของผิวหนังที่ไม่เท่ากัน ก็ย่อมส่งผลให้ลักษณะปรากฎที่แตกต่างกันตามไปด้วย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีผิวบางกว่าผู้ชาย ก็จะทำให้สังเกตเห็นรอยคลื่นได้ชัดเจนมากกว่า
แล้วจะต้องกำจัดพวกมันออกไปอย่างไร? คำตอบที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นการ “ออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร” แม้ว่าวิธีเหล่านี้อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล และจำเป็นจะต้องใช้ความพยายามและความอดทนที่สูงมาก แต่ก็นับเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุดและเห็นผลได้ดีมากที่สุดในระยะยาวเช่นกัน เพราะเนื่อเยื่อไขมันเหล่านี้จะถูกนำออกมาใช้เป็นพลังงาน อีกทั้งกล้ามเนื้อใต้ชั้นผิวหนังก็จะถูกเสริมสร้างให้มีความแข็งแรง และเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีผลพลอยได้เป็นร่างกายที่แข็งแรงไร้โรคภัยไข้เจ็บอีกด้วยนะ
แต่ถ้าคนไหนไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น และต้องการจะลดเซลลูไลท์แบบเห็นผลทันตา ได้ผลทันใจ ก็คงต้องหันไปพึ่งเหล่าสถานบริการความงามกันดูละค่ะ ซึ่งวิธีการที่สถานเสริมความงามใช้จะเน้นการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน รวมทั้งมีการใช้ครีมเพื่อนวดกระชับสัดส่วนด้วย โดยหลักการในการทำงานของเครื่องมือที่ช่วยกำจัดเซลลูไลท์เหล่านี้ จะใช้ทั้งเทคนิคการให้พลังงานความร้อนและความเย็น การใช้คลื่นความถี่ต่ำ การใช้แรงดูดสูญญากาศ และการนวดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยในการลดการบวมน้ำ และช่วยให้ไขมันใต้ผิวหนัง จัดเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบ ทำให้คุณรู้สึกว่าผิวกระชับมากขึ้น ส่วนการใช้ครีมนวดกระชับสัดส่วนอาจจะยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิงว่าสามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินได้จริง แต่ส่วนประกอบหลักของครีมเหล่านี้ ก็มักจะสกัดมาจากสารสกัดจากพืชบางชนิด ที่เชื่อกันว่ามีผลต่อการหดตัวลงของเซลล์ไขมัน ยกตัวอย่างเช่น theophyline ในชา เป็นต้น สุดท้าย สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ไว้สำหรับการพยายามลดไขมันด้วยวิธีนี้ก็คือ ไขมันส่วนเกินทั้งหลายยังคงไม่หายไปไหน เพียงแค่มีการจัดเรียงตัวใหม่ ซึ่งส่งผลให้คุณแลดูมีรูปร่างที่เหมือนจะผอมลงเท่านั้นเอง

แฟชั่นในยุคปัจจุบันมักจะนิยมการใส่เสื้อผ้าที่เน้นการเปิดเผยให้เห็นเนื้อหนังกันมากขึ้น ซึ่งก็ย่อมส่งผลให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างรูปร่างของตนกับคนอื่นๆ จนเป็นอีกหนึ่งเหตุผลของคนที่ต้องการดูดีแบบไร้ที่ติ ว่าทำไมเค้าเหล่านั้นถึงอยากจะผอมหรือมีหุ่นดีแบบนางแบบกันนัก ซึ่งหากคนเหล่านี้สามารถกำจัดเซลลูไลท์ส่วนเกินได้อย่างถูกวิธีก็คงจะไม่มีปัญหาหรือผลกระทบใดๆ แต่ในทางกลับกัน หากคนเหล่านี้พลาดพลั้งไปหลงเชื่อคำโฆษณาที่โอ้อวดเกินจริง ก็อาจจะมีผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว