ผักพื้นบ้านต้านมะเร็ง

ต้องยอมรับถึงคุณสมบัติของผักพื้นบ้านของไทยๆหลายชนิดว่ามีประโยชน์และอร่อย ทำให้คนไทยที่ปลูกผักสวนครัวทานเองที่บ้านในแต่ละวัน มีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่าคนในเมืองที่ไม่มีโอกาสได้รับประทานผักพื้นบ้านต่างๆเหล่านี้ในทุกๆมื้อ

ถึงแม้ว่าการรับประทานผักในอดีตของคุณอาจจะยังไม่เคยรู้เลยว่ามันมีประโยชน์มากแค่ไหน และผักตัวไหนบ้างที่มีประโยชน์ที่มีความสามารถในการช่วยต้านโรคมะเร็งได้ ในวันนี้เราจะมาเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน และจะได้เลือกเอามาใช้รับประทานเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารมื้อถัดไปของคุณ

ผักต่อไปนี้ที่เราจะกล่าวถึงล้วนแต่เป็นผักที่มีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งได้ทั้งสิ้น นอกจากจะปลูกง่ายแล้ว ยังสามารถนำไปทำอาหารรับประทานได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย

1 ผักแพว เชื่อว่าคนที่ชอบรับประทานผักเป็นประจำต้องรู้จักผักแพวอย่างแน่นอน เพราะผักแพวเป็นผักที่มีกลิ่นหอมและมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับการกินเป็นผักแกล้มกับอาหารไทยต่างๆหลากชนิด ซึ่งนอกจากความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ของผักชนิดนี้แล้ว ผักตัวนี้ยังมีประโยชน์ในด้านของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยป้องกันและต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้ ร่วมไปถึงการมีวิตามินและแร่ธาตุอีกมากมายที่คุณสามารถหาได้ในผักชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส เป็นต้น จะรับประทานแบบสดๆหรือนำไปแกล้มกับอาหารชนิดอื่นก็อร่อยได้ทั้งนั้น แถมยังสามารถดับกลิ่นคาวของอาหารได้อีกด้วย

2 ผักเหลียง ผักเหลียงเป็นผักพื้นบ้านของคนไทยภาคใต้รวมไปถึงภาคตะวันตกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นผักที่นิยมนำมารับประทานกันเป็นจำนวนมาก ผักเหลียงขึ้นชื่อว่าเป็นผักที่มีความโดดเด่นในสารอาหารจำพวกเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยบำรุงสายตา และสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะนำใบเหลียงมารับประทานเป็นผัดผักหรือนำไปต้มแกงก็สามารถที่จะรับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อยทั้งนั้น

3 ขี้เหล็ก ถึงชื่ออาจจะฟังไม่ค่อยไพเราะสักเท่าไหร่นัก แต่ให้รับรู้ไว้เลยว่าใบขี้เหล็กนี้มีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อต้านโรคมะเร็งได้สูงมาก เนื่องจากผักชนิดนี้จะช่วยในการยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็งได้ และแก่นของขี้เหล็กยังช่วยรักษามะเร็งในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งกระเพาะอาหารได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นควรที่จะไปหาขี้เหล็กมารับประทานกันเยอะๆ หากคุณยังไม่อยากที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็งในเร็ววันนี้

4 สะเดา แม้ว่าสะเดาจะเป็นผักที่รับประทานยากสักเล็กน้อยเนื่องจากมีรสชาติขม โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะนำไปทานคู่กับปลาย่างหรือน้ำปลาหวาน เพื่อให้อาหารรสชาติมีความสมดุลกัน แต่หนึ่งในคุณสมบัติที่คุณต้องรู้ไว้เลย ก็คือ สะเดานั้นมีความสามารถในการลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกหรือเกิดมะเร็งได้ แถมยังมีความสามารถอื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบำรุงธาตุในร่างกาย แก้ท้องผูก ขับลม ขับเสมหะ ก็สามารถใช้สะเดาในการที่จะบำรุงร่างกายได้ทั้งสิ้น โดยสารสำคัญที่ช่วยในการต่อต้านมะเร็ง ก็คื อสารลิโมนอยด์ ที่สกัดได้จากเปลือกใบหรือผลของสะเดานั่นเอง

5 ผักชีลาว เป็นอีกหนึ่งผักพื้นบ้านที่ช่วยในการขับลม แก้ท้องผูก แก้วิงเวียนศีรษะ และมีประโยชน์ที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง ก็คือ การชะลอการขยายตัวของมะเร็ง เพราะฉะนั้น ผักชีลาวจึงเป็นอีกหนึ่งผักที่คู่ควรอย่างยิ่งต่อการรับประทานเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและห่างไกลจากโรคมะเร็ง

6. ผักติ้ว เป็นผักที่นิยมรับประทานกันมากในโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเป็นผักที่มีคุณสมบัติสำคัญคือการมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็งตับ และไม่ทำลายเซลล์ปกติได้เป็นอย่างดี โดยผักติ้วนั้นเป็นผักที่มีการนำมาทำการวิจัยแล้วว่าสามารถที่จะมีคุณสมบัติตามที่กล่าวไว้ได้จริง

7. เหงือกปลาหมอ ถึงแม้ผักพื้นบ้านชนิดนี้อาจจะเป็นผักที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน หรือมีชื่อแปลกไม่คุ้นหู แต่ให้รับรู้ไว้เลยว่า ผักชนิดนี้สามารถที่จะยับยั้งและต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี

8. ผักแขยง ผักชนิดสุดท้ายที่นิยมนำมาใช้ในการต่อต้านโรคมะเร็งก็เป็นผักที่พบมากในโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่นเดียวกัน คนท้องถิ่นมักจะนิยมเอาผักแขยงมารับประทานจิ้มน้ำพริก หรือกินคู่กับลาบก้อยแกงต่างๆ ซึ่งการรับประทานผักชนิดเข้าไปทำให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่ค่อนข้างสูง ทำให้ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี

ทั้งหมดนี้เป็นผักพื้นบ้านที่เราอยากจะแนะนำให้คุณหารับประทานให้บ่อยๆมากขึ้นกว่าเดิม เพราะมีการศึกษามาแล้วว่าผักเหล่านี้ล้วนมีคุณสมบัติโดดเด่นในการต้านโรคมะเร็ง หรือมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง เมื่อได้ทานรับประทานเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน จะทำให้คนๆนั้นมีโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งได้ต่ำลง

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมที่จะรับประทานอาหารอื่นๆที่มีสารอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ด้วย เพื่อจะช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายมีความแข็งแรงในทุกๆด้าน และป้องกันทั้งโรคมะเร็งหรือโรคร้ายอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต